svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"เศรษฐา-อันวาร์"จับมือพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลย์เพื่อประโยชน์สองชาติ

"ไทย-มาเลเซีย" ต่อยอดความร่วมมือเพื่อพัฒนาชายแดน พร้อมขับเคลื่อนคณะทำงานด้านการค้า-ท่องเที่ยว-เกษตร-ความมั่นคงชายแดน เพื่อให้ดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม

27 พฤศจิกายน 2566 ด้านหน้าอาคารสำนักงานด่านศุลกากรสะเดา (แห่งใหม่) อำเภอสะเดา จ.สงขลา โดย "นายเศรษฐา ทวีสิน" นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้การต้อนรับ ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม (Dato’ Seri Anwar Ibrahim) นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เนื่องในโอกาสเยือนไทยเพื่อการเจรจาทำงาน (Working Visit) ต่อยอดผลการเยือนมาเลเซียของนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยเฉพาะความร่วมมือเพื่อพัฒนาชายแดนไทย-มาเลเซีย

หลังจากนั้น ช่วงสายวันเดียวกัน นายเศรษฐา และนายอันวาร ์ ได้หารือทวิภาคีเต็มคณะ ณ ห้องพระนิกรบดี อาคารสำนักงานด่านศุลกากรสะเดา (แห่งใหม่) โดยมีรัฐมนตรีฝ่ายไทย ประกอบด้วย

  • น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา
  • นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม

สำหรับรัฐมนตรีฝ่ายมาเลเซีย ประกอบด้วย

Dato’ Sri Alexander Nanta Linggi รมว.โยธาธิการ
Dato’ Sri Tiong King Sing รมว.ท่องเที่ยว ศิลปะ และวัฒนธรรม

สาระสำคัญของการหารือ ดังนี้

โดย นายกรัฐมนตรีไทย กล่าวชื่นชมการหารือว่ามีประโยชน์ และเป็นประโยชน์ต่อความร่วมมือ แต่ยังมีประเด็นที่ยังต้องขับเคลื่อนให้เกิดผลในทางการค้า ทั้งสองฝ่ายต่างยินดีที่ได้มาหารือกันวันนี้ (27พ.ย.) ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนและต่อยอดความร่วมมือจากที่ทั้งสองฝ่ายได้หารือกันเมื่อครั้งที่นายกรัฐมนตรีไทย เดินทางเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการในเดือนต.ค. ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ โดยเฉพาะความร่วมมือเพื่อพัฒนาชายแดน สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของผู้นำไทยและมาเลเซียที่ต่างเห็นถึงความสำคัญในการผลักดันความร่วมมือเพื่อพัฒนาชายแดนให้ก้าวหน้า และยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนตามชายแดนของทั้งสองประเทศ 

สำหรับการเดินทางเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องให้จัดตั้งคณะทำงาน (Task force) ซึ่งไทยได้จัดตั้งคณะทำงานฯ 4 ด้าน คือ

  1. การค้าและการค้าชายแดน
  2. การท่องเที่ยว
  3. การเกษตร
  4. ความมั่นคง

อย่างไรก็ตาม โดยต่างหวังว่าคณะทำงานร่วมไทยและมาเลเซีย จะสามารถขับเคลื่อนการดำเนินการร่วมกันได้เพื่อผลประโยชน์ของทั้งสองประเทศ 

ส่วนด้านการค้า ผู้นำทั้งสองฝ่ายมุ่งมั่นที่จะผลักดันการค้าและการลงทุนให้ได้ตามเป้าหมาย อย่างไรก็ดี ทั้งสองฝ่ายยังคงเผชิญกับความท้าทายในด้านการค้าระหว่างกัน ไทยและมาเลเซีย ควรร่วมมือกันให้ใกล้ชิด เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการค้า และเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันให้เป็นไปตามเป้าหมาย Joint Action Plan

ขณะเดียวกัน โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีเสนอแนวทางเพิ่มพูนการค้าและการลงทุน ดังนี้

  1. นายกรัฐมนตรีขอให้มาเลเซียเป็นเจ้าภาพประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Commission: JTC) ในระดับรัฐมนตรีพาณิชย์ เพื่อเป็นเวทีหารือถึงความคืบหน้าและแก้ไขปัญหาที่ยังค้างค้างระหว่างกัน 
  2. นายกรัฐมนตรีขอให้มาเลเซียช่วยเร่งรัดบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนระหว่างไทย-มาเลเซีย (MOU on Cross-Border Transport of Goods) โดยประเด็นเรื่องการข้ามพรมแดน เช่น ด่านสะเดา ทางมาเลเซียจะเร่งดำเนินการเพื่อให้เปิดใช้งานเพราะมีหอการค้า (Chamber of Commerce) ที่อยู่ชายแดนให้เร่งติดตาม
  3. นายกรัฐมนตรีขอให้ส่งเสริมควาร่วมมือระหว่างหอการค้าในระดับท้องถิ่นของทั้งไทยและมาเลเซีย เพื่อให้มีการวางแผนร่วมกันในการเพิ่มมูลค่าการค้า การท่องเที่ยว และการพัฒนาบริเวณชายแดน 

ส่วนด้านการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวมาเลเซียเดินทางเข้ามาไทยมากเป็นอันดับหนึ่ง จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด โดยรัฐบาลได้มีการยกเว้นการยื่น แบบฟอร์ม ตม.6 ณ ด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา จ.สงขลา เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2566 ถึง 31 เม.ย. 2567 ซึ่งจะช่วยให้กระบวนการในการเข้า-ออกประเทศไทยของนักท่องเที่ยวมาเลเซียเป็นไปด้วยความสะดวกมากขึ้น

อย่างไรก็ดี ปัญหาที่นักท่องเที่ยวไทยพบเจอ คือ ระบบคมนาคมขนส่งและการเดินทางในฝั่งมาเลเซียไม่เพียงพอ ไทยจึงหวังว่า บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการขนส่งผู้โดยสารข้ามพรมแดนไทย-มาเลเซีย (MOU on Cross Border Transport pf Passengers) จะสามารถเสร็จสมบูรณ์ได้ในเวลาอันใกล้ แต่ไทยยังมีการเข้าถึงที่จำกัด จึงขอให้ทางมาเลเซียช่วยพิจารณาอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวไทย ซึ่งมาเลเซียยินดีรับนักท่องเที่ยวไทยอยู่แล้ว จะให้นักท่องเที่ยวของทั้งสองฝ่ายได้ประโยชน์ในการท่องเที่ยวเดินทาง เพื่อประโยชน์ร่วมกัน

สำหรับด้านการเกษตร รัฐบาลไทยมีแผนจัดตั้ง "กรมฮาลาล" ซึ่งอยู่ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม โดยจะมีการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานของมาเลเซีย เพื่อพัฒนาความร่วมมือทางด้านอาหารฮาลาล รวมถึงการกำหนดมาตรฐานและความถูกต้องของสินค้าและอาหารฮาลาลด้วย โดยจะผลักดันให้เกิดความก้าวหน้า ซึ่งมาเลเซียพร้อมร่วมมือ เพราะอาหารฮาลาลเป็นเรื่องสำคัญต่อความมั่นคงทางอาหาร

ส่วนด้านความมั่นคงชายแดน ทั้งสองฝ่ายมุ่งมั่นที่จะร่วมกันแก้ไขปัญหาการค้าสัตว์ป่าเถื่อนข้ามชายแดนไทยและมาเลเซีย โดยฝ่ายไทยได้มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยและมาเลเซีย เพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหาการลักลอบค้าขายสัตว์ป่าอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะพิจารณาร่างบันทึกความเข้าใจเพื่อความร่วมมือต่อสู้กับการลักลอบค้าสัตว์ป่า ดำเนินการอย่างเข้มข้น หยุดการลักลอบให้ได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2567

ด้านโครงการก่อสร้างเชื่อมโยงชายแดน ทั้งสองฝ่ายมุ่งหวังให้มีโครงการเชื่อมโยงตามแนวชายแดน เพื่อส่งเสริมการค้าและการท่องเที่ยว ทั้งในส่วนของ

  1. ถนนเชื่อมด่านสะเดาแห่งใหม่กับด่านบูกิตกายูฮิตัมของมาเลเซีย
  2. สะพานสุไหง โก-ลก จ.นราธิวาส กับ รันเตาปันจัง แห่งที่ 2 รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย

โดยมาเลเซียจะช่วยเร่งรัดการก่อสร้างถนนฝั่งมาเลเซีย สำหรับการก่อสร้างสะพานสุไหง โก-ลก ไทยและมาเลเซียได้ตกลงแล้วทางด้านหลักการ ทั้งสองฝ่ายจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการก่อสร้างให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีไทยและมาเลเซียหวังว่า การหารือระหว่างกันในวันนี้ จะทำให้เกิดความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาชายแดนของทั้งสองประเทศ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายกรัฐมนตรีไทยและมาเลเซียได้เดินทางไปสำรวจจุดเชื่อมถนนเพื่อเชื่อมด่านสะเดาแห่งใหม่กับด่านบูกิตกายูฮิตัมของมาเลเซีย หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันแก่นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ณ โรงแรม Vista ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะเดินทางไปสำรวจด่านบูกิตกายูฮิตัมในฝั่งของมาเลเซียในช่วงบ่ายต่อไป