7 พฤศจิกายน 2566 ที่ จ.นครศรีธรรมราช นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช และนักการเมืองชื่อดัง ได้เปิดแถลงข่าวกับสื่อมวลชน ถึงทิศทางทางการเมืองของตน หลังได้รับพักโทษจากกรมราชทัณฑ์ในคดีทุจริตการเลือกตั้งว่า ในส่วนของตนต้องไปติดกำไล EM ภายใน 3 วัน ที่กรุงเทพมหานคร เพราะตนแจ้งที่อยู่ในกรุงเทพมหานคร
โดยทิศทางการเมืองของตน จะสนับสนุนการทำการเมืองแบบสุจริต สร้างสรรค์ และเปิดกว้างไม่สังกัดพรรคไหน เนื่องจากได้ออกจากพรรคประชาธิปัตย์แล้ว และขายแฟยี่ห้อเทพไท ที่กำลังออกสู่ตลาดอยู่ในขณะนี้ รวมถึงเขียนหนังสือเรื่องราวภายในคุก 480 วัน หรือ 16 เดือน ตามที่ นายชวน หลีกภัย อดีตนายกฯ ให้คำแนะนำ
นอกจากนี้ ในช่วงที่ตนอยู่ในเรือนจำ ได้นั่งแต่เพลงที่เกี่ยวกับชีวิตเรือนจำ 15 เพลง ซึ่งจะได้ผลิตออกสู่ตลาดต่อไป ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานกับค่ายเพล และอาจจะไปวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมือง ทางทีวีช่องใดช่องหนึ่งเพราะตนมีประสบการณ์ เคยทำรายการทีวีสายล่อฟ้ามาก่อน นี่คืออนาคตของตน ที่จะทำหลังจากออกจากคุก
ส่วนทิศทางการเมืองนั้น ผมและนายมาโนช ถูกตัดสิทธิทางการเมืองไป 10 ปี ไม่สามารถที่จะดำเนินงานทางการเมืองอย่างเป็นทางการได้ คงจะเป็นที่ปรึกษาช่วยเหลือทีมงาน และบุคคลในครอบครัว ซึ่งบ้านของตนมีทั้งหมด 8 คนพี่น้อง ถูกตัดสิทธิไป 2 คน เหลือ 6 คน ที่ยังพอจะสานต่อภารกิจ สืบทอดเจตนารมย์ของครอบครัวได้ ก็มีจำนวน 4 คน คือ
1. ผศ.เชาวน์วัศ เสนพงส์ อดีตนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช ซึ่งรอการตัดสินใจของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า จะมีการเลือกหัวหน้าพรรคเป็นใคร ถ้าหากว่าเป็น นายอภิสิทธิ์ นายเชาวน์วัศ ก็อยากจะกลับพรรคประชาธิปัตย์
2. นายพงศ์สินธุ์ เสนพงศ์ อดีตผู้สมัคร สส.พรรค รทสช. ซึ่งเป็น ผช.สส.ของนายธนกร วังบุญคงชนะ อีกด้วย
3. น.ส.จริยา เสนพงศ์ ขณะนี้ทำงานการเมืองภาคประชาชน เป็นเอ็นจีโอกลุ่มกรีนพีช ซึ่งพรรคก้าวไกลสนใจที่อยากจะเชิญไปเป็นสมาชิกพรรค แต่ติดเงื่อนไขเป็นผู้นำเอ็นจีโออยู่ จึงไม่สะดวกที่จะไปพรรคก้าวไกล อีกทั้งยังเป็น นศ.รุ่นเดียวกับนายปิยะบุตร
4.นายครรชิต เสนพงส์ ก็พร้อมที่จะเข้าไปอยู่ในพรรคก้าวไกล และตอนนี้ก็เป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลแล้ว
นายเทพไท กล่าวว่า ส่วนตัวยังคงสนับสนุนการเมืองแบบสุจริต ไม่สร้างอิทธิพล ไม่ซื้อเสียง ไม่ฮั้วประมูล ไม่รับเหมา หากินกับงบประมาณแผ่นดิน พรรคไหนใครก็ได้ ตนพร้อมที่จะสนับสนุน ถ้าหากว่าทำการเมืองโดยไม่ซื้อเสียง เพราะผมรู้สึกเบื่อหน่ายกับการเลือกตั้งที่ผ่านมา ที่ต้องยอมรับความจริงว่า มีการซื้อเสียงกันมากที่สุด มีการซื้อเสียงใช้เงินกันทุกพรรค ยกเว้นพรรคก้าวไกล ซึ่งพรรคก้าวไกลอาจจะมีบ้าง แต่ว่าเป็นเรื่องของตัวบุคคล แต่ว่าคะแนนพรรคคะแนนปาร์ตี้ลิสต์เขาไม่ได้ซื้อเลย ซึ่งแตกต่างจากพรรคการเมืองอื่น ๆ