28 ตุลาคม 2566 "น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล" สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า การที่ "นายภูมิธรรม เวชยชัย" รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ขอให้พรรคก้าวไกลอย่านำเรื่องนโยบายดิจิทัลมาดิสเครดิตในสภาฯนั้น ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีถ้อยคำแถลงที่จะเป็นการดิสเครดิตในสภาฯ รวมไปถึงยังไม่ได้มีการพูดถึงโครงการดังกล่าวในสภาฯ ด้วยซ้ำ เพียงแต่เรียกร้องให้รัฐบาลนำข้อมูลออกมาพูดข้อเท็จจริงกับประชาชน แต่หากมองว่าเป็นการด้อยค่า ดิสเครดิต ก็ต้องขออภัย เนื่องจากตนไม่ได้มีเจตนา เพียงแต่อยากให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ชัดเจนมากกว่า
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า หากการดำเนินการโครงการดิจิทัลวอลเล็ตไม่สำเร็จ ไม่ถือเป็นการผิด พ.ร.บ.พรรคการเมืองแต่อย่างไร เนื่องจากก่อนหน้านี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกมาระบุแล้วว่า หากไม่ทำตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ก็ไม่ถือว่ามีความผิด หรือมีบทกำหนดโทษอะไร แม้ว่าจะไม่มีการยื่นถึงแหล่งที่มาของเงิน แต่หากจะมีความผิด ก็จะเกิดเมื่อมีการเดินหน้าของโครงการมากกว่า หากออกพ.ร.ก.เงินกู้
ส่วนกระแสวิจารณ์กรณีที่คณะอนุกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตเตรียมยื่น 3 ข้อเสนอ ปรับกลุ่มเป้าหมายต่อคณะกรรมการชุดใหญ่ในสัปดาห์หน้านั้น หากทางคณะกรรมการได้รับฟังข้อคิดเห็นข้อคัดค้าน อาจมีการการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ อาจไม่ดูตามหลักเกณฑ์ที่คณะอนุฯชงด้วยซ้ำ ดังนั้น ขอให้รอดูความชัดเจน ซึ่งตนมองว่าขณะนี้รัฐบาลกำลังปวดหัว ในการเสาะหาแหล่งเงินมาใช้ในโครงการนี้ เพราะหากใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีคงไม่พอ
เมื่อถามว่า หากพรรคก้าวไกลเห็นว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตสร้างความเสียหาย จะมีการขอเสียงจากพรรคร่วมรัฐบาลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา ระบุว่า โครงการนี้สุดท้ายจะเป็นการลงมติ จากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งหลังจากนี้ จะเห็นท่าทีกับพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ แต่ตนคิดว่าไหนๆ ก็ร่วมหอลงโลงกันแล้ว ก็น่าจะเห็นไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ใช่เป็นปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นจากความร่วมรัฐบาล
เมื่อถามย้ำว่า จะนำโครงการดังกล่าวไปอภิปรายไม่ไว้วางใจในสมัยประชุมหน้าหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา ระบุว่า โครงการนี้ยังไม่เกิดขึ้น ดังนั้น โอกาสที่จะเอาไปอภิปรายทั่วไปหรืออภิปรายไม่ไว้วางใจ ต้องดูว่าโครงการได้เริ่มต้นขึ้นแล้วหรือไม่ ก่อนที่จะมาดูในรายละเอียดอีกครั้งว่า เกิดปัญหาอะไร แต่เมื่อโครงการยังไม่ถึงก็ต้องติดตามดูรายละเอียดอย่างใกล้ชิด ว่าจะออกมาในทิศทางใด
"จึงอยากจะฝากไปยังรัฐบาลให้ยึดถึงผลและเป้าหมายเป็นสำคัญ เพราะหากยึดติดเพียงแจกเงินอย่างเดียว อาจทำให้สูญเสียเป้าหมายใหญ่ที่ทางเพื่อไทยได้เคยสัญญากับประชาชนไว้ ว่าจะทำให้เศรษฐกิจโต เฉลี่ย 4 ปี 5% แต่หากปรับเปลี่ยนวิธีการ เกิดผลลัพธ์แบบเดียวกัน ก็คิดว่าประชาชนน่าจะรับได้" น.ส.ศิริกัญญา ระบุ