svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ผบ.ทร." เผยเตรียมชงเครื่องยนต์จีนให้ "สุทิน" พิจารณาสัปดาห์หน้า

21 กันยายน 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"ผบ.ทร." เผยเตรียมชงเครื่องยนต์จีนให้ "สุทิน" พิจารณาสัปดาห์หน้า มั่นใจขีดความสามารถเทียบเท่าเยอรมัน พร้อมเพิ่มออปชั่นประกัน 8 ปี ระบุ เคยคุยเยอรมันแล้ว แต่ไม่สำเร็จ

21 กันยายน 2566 พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวถึงการตัดสินใจที่จะใช้เครื่องยนต์ CHD 620 ของจีน มาใส่ในเรือดำน้ำไทย ได้แจ้งความคืบหน้าไปที่กระทรวงกลาโหมแล้วหรือไม่ ว่า กองทัพเรือจะตรวจสอบข้อเสนอของจีน ในการเปลี่ยนเครื่องยนต์ขับเคลื่อนกำเนิดไฟฟ้าของเยอรมันเป็นของจีน ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมา ได้มีการตรวจสอบข้อมูลที่จีนนำเสนอ รวมถึงมีการส่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบข้อมูลและเครื่องยนต์ และได้มีการยื่นข้อเสนอในการรับประกันเครื่องยนต์ดังกล่าว

โดยกองทัพเรือจีนได้แจ้งข้อเสนอมาที่กองทัพเรือไทยเรียบร้อยแล้ว และเสนอข้อพิจารณาในการแก้ไขข้อตกลงระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล เพื่อที่จะขยายระยะเวลาในการสร้างเรือดำน้ำออกไปอีก หากมีการแก้ไขข้อตกลง ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการบริหารโครงการเรือดำน้ำ ได้เสนอเรื่องขึ้นมาที่กองทัพเรือ และอยู่ระหว่างการพิจารณาของฝ่ายอำนวยการที่เกี่ยวข้อง เมื่อพิจารณาเสร็จกองทัพเรือก็จะนำเสนอรัฐบาล ว่าแนวทางที่จีนนำเสนอเรื่องการเปลี่ยนเครื่องยนต์ จากเครื่องยนต์ของเยอรมันเป็นเครื่องยนต์ของจีน

ทางกองทัพเรือได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปดูการผลิตเครื่องยนต์ รวมถึงการรับรองเครื่องยนต์ดังกล่าวจากกองทัพเรือจีนเป็นที่เรียบร้อย และเตรียมเรื่องการแก้ไขข้อตกลงส่งให้กับกองทัพเรือพิจารณาเรียบร้อยหมด โดยภาพรวมกองทัพเรือ เชื่อมั่นได้ว่าข้อมูลที่ได้รับ รวมถึงการตรวจสอบเครื่องยนต์ของจีน สามารถใช้ทดแทนเครื่องยนต์ของเยอรมันได้ โดยไม่ทำให้เสียในเรื่องของความปลอดภัยในการใช้งาน ในเรื่องประสิทธิภาพการใช้งาน

\"ผบ.ทร.\" เผยเตรียมชงเครื่องยนต์จีนให้ \"สุทิน\" พิจารณาสัปดาห์หน้า

และทางจีนได้มีการแจ้งการรับประกันเพิ่มเติม จากเดิมตามข้อตกลงเป็นการรับประกันชิ้นส่วนของเรือดำน้ำภายหลังส่งมอบเป็นระยะเวลา 2 ปี มาเป็นการรับประกันเครื่องยนต์ดังกล่าว เป็นระยะเวลา 8 ปี พร้อมอะไหล่ พร้อมเจ้าหน้าที่มาดูแลเครื่องยนต์ที่ประเทศไทย รวมถึงการซ่อมบำรุงในช่วงของ 8 ปี ทำไมถึงเป็น 8 ปี เพราะ เป็นระยะเวลาในการอัพเกรดเรือดำน้ำตามช่วงระยะเวลา ก็เป็นข้อมูลที่กองทัพเรือจะสรุปและนำเสนอ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงกลาโหม

สำหรับความจำเป็นในการที่ต้องมีเรือดำน้ำนั้น กองทัพเรือยังยืนยันว่า ตามยุทธศาสตร์กองทัพเรือ และสภาวะแวดล้อมของโลก และประเทศรอบบ้าน กองทัพเรือยังมีความจำเป็นที่จะต้องมีเรือดำน้ำ ในการรักษาสมดุลของความมั่นคงทางทะเลในภูมิภาค ทั้งนี้การตัดสินใจว่าจะเดินหน้าต่อโครงการหรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่ทางรัฐมนตรีกลาโหมต้องพิจารณา และนำเสนอเข้าพิจารณาในส่วนของ ครม. และรัฐบาลต่อไป

ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีมีไอเดียที่จะเจรจากับทางเยอรมัน เพื่อขอใช้เครื่องยนต์เยอรมัน มองว่ามีแนวทางความเป็นไปได้หรือไม่ พล.ร.อ.เชิงชาย กล่าวว่า ความจริงกองทัพเรือได้เคยเจรจากับทางการเยอรมัน ผ่านทางผู้ช่วยทูตทหารตั้งแต่ทราบปัญหา ซึ่งทางผู้ช่วยทูตทหารเยอรมันและเอกอัครราชทูตเยอรมันประจำประเทศไทย ก็ได้แจ้งข้อมูลว่า

ทางเยอรมันไม่สามารถขายเครื่องยนต์เรือดำน้ำตามกฎของการห้ามการส่งออก ในกรณีที่สามารถนำไปใช้เป็นอาวุธสงครามให้กับทางการจีนได้ แล้วกองเรือก็ได้ทราบข้อมูลจากทางกองทัพเรือจีนว่า แม้ปัจจุบันทางเยอรมันไม่ส่งออกเครื่องยนต์ของเยอรมันเพื่อติดตั้งในเรือน้ำที่จีนต่อเองด้วย เพราะฉะนั้นโดยสรุปแล้วจีนเองก็ต้องผลิตเครื่องยนต์ เพื่อใช้กับเรือดำน้ำของตัวเองในปัจจุบันและในอนาคต ซึ่งจีนมีการพัฒนาเรือน้ำ แล้วก็ต่อเรือดำน้ำอยู่ตลอด ดังนั้นในอนาคตจีนก็ต้องใช้เครื่องยนต์ของจีนเองในการติดตั้งกับเรือดำน้ำ

เมื่อถามว่า ข้อมูลตรงนี้ได้แจ้งให้รัฐมนตรีกลาโหมรับทราบแล้วหรือไม่ พล.ร.อ.เชิงชาย กล่าวว่า ข้อมูลทั้งหมดก็จะอยู่ในข้อพิจารณาเพื่อเสนอกับรัฐมนตรีกลาโหมทั้งหมด และทางกลาโหมจะเป็นผู้พิจารณาข้อเสนอ

เมื่อถามว่า จุดยืนของกองทัพเรือ คือพร้อม เต็มใจ สบายใจ ที่จะใช้เครื่องยนต์เรือดำน้ำจีน พล.ร.อ.เชิงชาย กล่าวว่า ได้มีการตรวจสอบแล้วว่า เครื่องยนต์ของจีนมีคุณสมบัติ และขีดความสามารถเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ของเยอรมัน โดยเฉพาะเรื่องของความปลอดภัยกับข้อมูลการใช้งานทางด้านยุทธการ ก็สามารถใช้ทดแทนกันได้

\"ผบ.ทร.\" เผยเตรียมชงเครื่องยนต์จีนให้ \"สุทิน\" พิจารณาสัปดาห์หน้า

เมื่อถามว่า จะยืนยันกับ ครม. กับนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกลาโหม ตามที่จะส่งเรื่องขึ้นไปใช่หรือไม่ พล.ร.อ.เชิงชาย กล่าวว่า ก็ยืนยันเป็นข้อมูลให้กับรัฐมนตรีพิจารณาตามข้อตกลง ถ้ามีการแก้ไขข้อตกลงจะต้องใช้ระยะเวลาในการสร้างเรือดำน้ำเพิ่มเติมอีกเกือบ 3 ปี เพราะต้องอยู่ในขั้นตอนการผลิตเครื่องยนต์ก่อน แล้วมาติดตั้งกับเรือดำน้ำที่มีการต่อไว้แล้วในระดับหนึ่ง

เมื่อถามว่า ได้หารือเป็นการส่วนตัวกับนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีกลาโหม แล้วหรือไม่ พล.ร.อ.เชิงชาย กล่าวว่า เรื่องนี้ได้มีการเรียนให้ทราบแล้ว ตอนที่ท่านมาแถลงนโยบายที่กระทรวงกลาโหม ก็ได้นำเสนอข้อมูลตามที่เสนอกับนักข่าวให้ท่านได้รับทราบแล้ว

ส่วนท่าทีของรัฐบาลเป็นอย่างไร จะยกเลิกหรือแก้ไขสัญญาหรือไม่ พล.ร.อ.เชิงชาย กล่าวว่า ยังไม่มีการพูดคุยในเรื่องนี้ ต้องรอรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลแล้วก็ไปพิจารณาอีกที

เมื่อถามว่า หากมีการยกเลิก จะมีการชี้แจงย้ำหรือไม่ว่า จะต้องเป็นเครื่องยนต์ของจีน พล.ร.อ.เชิงชาย กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องมีการคุยกันในระดับรัฐมนตรีก่อน เพื่อนำเรียนข้อมูล ตามที่รัฐมนตรีต้องการรับทราบข้อมูล

เมื่อถามว่า กองทัพเรือจะส่งข้อมูลให้รัฐมนตรีว่ากระทรวงกลาโหมได้เมื่อไร พล.ร.อ.เชิงชาย กล่าวว่า ขณะนี้ฝ่ายอำนวยการกำลังพิจารณา ก็จะพยายามเร่งรัดเรื่องและเสนอไปที่กระทรวงกลาโหม และจะพยายามให้ทันในสมัยที่ตนยังดำรงตำแหน่งอยู่ เพราะได้เตรียมเรื่องไว้ทั้งหมดแล้ว โดยจะพยายามเร่งให้ทันภายในสัปดาห์หน้า

เมื่อถามย้ำว่า ภารกิจสุดท้ายของ ผบ.ทร. ที่อยากทำให้สำเร็จคือ ให้เรือดำน้ำลำแรกเดินหน้าต่อ พล.ร.อ.เชิงชาย กล่าวว่า  ตนมาทำหน้าที่ผู้บัญชาการทหารเรือ ในการตรวจสอบข้อมูลว่า ตามที่ทางการจีนเสนอเปลี่ยนเครื่องยนต์จากเยอรมันเป็นของจีน สามารถทำได้หรือไม่ มีการยอมรับได้หรือไม่ ซึ่งได้มีการพิสูจน์แล้ว และตรวจสอบข้อมูลแล้ว และได้ทำการทุกอย่างแล้ว ในการพิจารณาว่าสามารถปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์เรือดำน้ำไทยได้ โดยไม่ทำให้เสียคุณค่าทางยุทธการและความปลอดภัย อีกทั้งกองทัพเรือจีนก็รับประกันว่า เครื่องยนต์ดังกล่าว สามารถติดตั้งกับเรือดำน้ำน้ำไทยได้ ซึ่งเรือดำน้ำที่ปากีสถานต่อกับจีน 8 ลำ ปัจจุบันก็มีการเดินหน้าในการผลิตเครื่องยนต์ เพื่อติดตั้งในเรือดำน้ำปากีสถานเรียบร้อยแล้ว

เมื่อถามถึง ท่าทีของรัฐมนตรีกลาโหม ที่ดูเหมือนอยากได้เรือดำน้ำของทางเยอรมัน พล.ร.อ.เชิงชาย กล่าวว่า ก็ต้องพิจารณาภายหลังจากที่รัฐบาลพิจารณาว่า จะเดินหน้าโครงการเรือดำน้ำของจีนต่อ หรือจะเปลี่ยนเป็นโครงการอื่น  ซึ่งก็ต้องไปเริ่มพิจารณารายละเอียดกันใหม่ แต่การเริ่มต้นโครงการใหม่ ปัญหาคือเรื่องงบประมาณ เพราะว่าการจัดหาเรือน้ำ เป็นลักษณะจัดหาแบบแพ็กเกจ ต้องใช้งบประมาณค่อนข้างสูง อย่าลืมว่าการตั้งโครงการเรือดำน้ำเมื่อ 6 ปีที่แล้ว เราตั้งโครงการเรือดำน้ำ 2 ลำ มูลค่าโครงการ 36,000 ล้านบาท เป็นเรือดำน้ำมาตรฐาน ปัจจุบันราคาน่าจะสูงขึ้นกว่าในอดีต และถ้าเป็นการจัดหาเรือดำน้ำทั่วไป ก็จะต้องจัดหาอย่างน้อย 2 ลำซึ่งน่าจะใช้งบประมาณมากกว่า 36,000 ล้านบาท การตั้งงบประมาณขนาดนั้น เกรงว่างบเสริมสร้างของกองทัพเรืออาจจะไม่เพียงพอ

พล.ร.อ.เชิงชาย กล่าวต่อ ส่วนไอเดียรัฐบาลที่จะใช้นโยบายการค้าต่างตอบแทนนั้น มองว่าอยู่ที่รัฐบาลจะต้องเจรจาในเรื่องนี้ กองทัพเรือแค่เสนอความต้องการและแนวทางในการพิจารณาเรื่องงบประมาณให้รัฐบาลพิจารณา

logoline