svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"นายกฯ" เปิดหมดเปลือก ตั้งแต่ตั้งรัฐบาลสลายขั้ว ทำไมไหว้สวย ทุกคำตอบที่นี่

18 กันยายน 2566

"นายกฯ" ตอบทุกคำถาม ตั้งแต่การจัดตั้งรัฐบาลสลายขั้ว จนถึงนโยบายต่างๆ และที่สะดุดตาทำไมถึงไหว้สวย อ่านรายละเอียดได้ที่นี่

18 กันยายน 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมเสวนา “Thairath Forum 2023” ภายใต้หัวข้อ “Future Perfect เปิดมุมคิด พลิกอนาคต” โดยมี นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, นายพิพัฒน์ รัชกิจประการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม, นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมงานด้วย โดยมี “หนุ่มเมืองจันทร์” นายสรกล อดุลยานนท์ เป็นผู้ดำเนินรายการ

  • นายกฯไม่มีสิทธิ์เหนื่อย

ผู้ดำเนินการได้ถามว่า ทราบมาว่าหลังเป็น นายกรัฐมนตรี 7 วันที่ผ่านมาไม่เห็นหยุดเลย เหนื่อยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนเองไม่มีสิทธิ์เหนื่อย เพราะมีหน้าที่ต้องทำงาน ตราบใดที่มีภารกิจก็ต้องทำ เมื่อถามว่า ตอนอยู่ภาคเอกชนไม่มีห้องทำงาน ตอนเป็นนายกฯ จะใช้วิธีนั้นหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตั้งแต่เข้าทำเนียบฯ ตนนั่งเก้าอี้นายกฯ ประมาณ 10 วินาที ตามที่ซินแสบอกให้นั่งเวลาไหนเท่านั้น แล้วลุกออกมาไม่เคยไปนั่งอีก จะมีระบบการเปลี่ยนแปลงวิธีตั้งโต๊ะทำงานต่างๆ ให้เหมาะกับการรับฟังปัญหาจากทุกภาคส่วนมากขึ้น เพราะถ้าเป็นโต๊ะกระจก ประตูกั้น ทางกายภาพไม่เป็นมิตรภาพเท่าไร อยากให้เป็นรัฐบาลที่เข้าถึงได้ และกำลังคิดจะไปใช้บ้านพิษณุโลก ให้คณะที่ปรึกษาไปทำงานกัน และหากใครจะมาเป็นที่ปรึกษาตนแล้วถามว่า มีห้องทำงานหรือไม่ ถ้าเริ่มต้นแบบนี้คงไม่ได้เป็นที่ปรึกษาตน เรามานั่งคุยกันดีกว่า

"นายกฯ" เปิดหมดเปลือก ตั้งแต่ตั้งรัฐบาลสลายขั้ว ทำไมไหว้สวย ทุกคำตอบที่นี่

  • ที่หาเสียงไว้ ไม่ลืม

เมื่อถามว่า เคยพูดว่าอีกสักพักจะมีแผนปฏิบัติงานที่ชัดเจน นายเศรษฐา กล่าวว่า ปีใหม่น่าจะได้ สิ่งที่ตนไปแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเป็นเพียงการแถลงนโยบาย ไม่อยากจะพูดไว้เฉยๆ ไม่ลืมที่ไปหาเสียงไว้ ไม่ลืมที่ไปพูดไว้ ไทม์ไลน์อาจมีความคลาดเคลื่อน ไม่ถูกจริตความต้องการของประชาชน แต่ตนไม่ได้เป็นนายกฯ ที่เป็นมา 4 ปี หรือ 8 ปี แล้ว ตนเพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง ยังไม่ทราบกระบวนการ งบประมาณ กลไก เท่าที่อยากจะทราบ แต่พยายามเรียนรู้ระบบราชการให้เร็วที่สุด เพื่อทำงานร่วมกับภาคราชการต่อไป

เมื่อถามว่า การไปพูดที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) มีการพูดเรื่องการกระจายคอนเน็คชัน เพื่อกระจายให้คนตัวเล็ก นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนยืนยันว่า วปอ.เป็นสถาบันที่สมควรจะมี และต้องมี เป็นสถาบันที่มีการรวมตัวกันระหว่างข้าราชการชั้นกลางและชั้นสูงที่ กำลังไต่เต้าไปจนบนสุดของพีระมิด ต้องการการประสานงานที่ดีมากๆ และเห็นด้วยกับภาคเอกชนหลายท่านที่ไปมา ตนถือเป็นเรื่องสำคัญ เยาวชนเห็นว่าพวกเราที่นั่งตรงนี้ ทำอะไรไม่เหมาะสมอยู่บ้างหรือไม่ อย่าคิดว่าไม่มีใครเห็น ตนยืนยัน วปอ.เป็นสถาบันที่ดี สมควรได้รับการสนับสนุนต่อไป

  • รัฐบาลสลับขั้ว เพราะ ประชาชนรอไม่ได้

เมื่อถามถึงกรณีที่บอกว่า เทหมดหน้าตัก ก่อนเลือกตั้งมีคำมั่นต่างๆ แต่การตั้งรัฐบาลครั้งนี้ มีการเปลี่ยนแปลงไปอธิบายเหตุผลได้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า การทำงานในมิติการเมือง ที่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากช่วงก่อนเลือกตั้งว่า เป็นเรื่องของยุทธศาสตร์ทางการเมืองพื้นฐาน เราต้องการ 376 เสียงในการเป็นรัฐบาล และโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ เราก็ทำตามสัญญาว่าจะไปรวมกับพรรคก้าวไกล แต่ไม่ผ่านการโหวตของสมาชิกวุฒิสภา( สว.) ได้มาเพียง 324 เสียง ก่อนที่พรรคก้าวไกลส่งไม้ต่อมาให้

"นายกฯ" เปิดหมดเปลือก ตั้งแต่ตั้งรัฐบาลสลายขั้ว ทำไมไหว้สวย ทุกคำตอบที่นี่

นายกฯ ถามกลับว่า พรรคเพื่อไทยเรามี 141 เสียง เราต้องการ 376 เรารวมกับก้าวไกล หากพรรคเพื่อไทยไม่จับมือกับพรรคอื่น จะได้ถึง 376 เสียงหรือไม่ หากจะจับมือกับพรรคก้าวไกลต่อไปก็ไม่ถึง 376 เสียงอยู่ดี จะคอยอีก 9-10 เดือน จน สว. หมดวาระ ประชาชน ค่าน้ำ ค่าไฟ ก็คอยไม่ได้อยู่ดี รวมถึงนโยบายพักหนี้เกษตรกร วีซ่าฟรี ทุกเรื่องคอยไม่ได้ ขอให้ทุกคนตั้งต้นตรงนี้ก่อน ขอให้คิดเรื่องคณิตศาสตร์พื้นฐานก่อน ซึ่งเราก็มี 10 ล้านเสียงที่เลือกมาให้เราเป็นรัฐบาล และเราก็สามารถประสานกับพรรคการเมืองอื่น และตกลงกันได้ เรื่องนโยบาย เรื่องไหนที่เราไม่เอา ไม่สามารถผ่านการโหวตได้ก็ไม่แตะต้อง เป็นเรื่องที่ไม่ได้ขอความเห็นใจ แต่หากมองอย่างเข้าใจก็คือ เรื่องพื้นฐาน

  • ผลงานจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด

เมื่อถามว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ขั้วประชาธิปไตยชนะเลือกตั้ง แต่การตั้งรัฐบาลทำให้เห็นว่า การรัฐประหารลงอย่างสวยงาม นายเศรษฐา กล่าวว่า จุดยืนตนไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร พรรคที่มาร่วมกับเราอย่างภูมิใจไทย แม้มาจากรัฐบาลเก่า แต่ไม่มีส่วนร่วมรัฐบาลเก่า อีกสองพรรคคนที่เกี่ยวกับการรัฐประหารก็ไม่อยู่แล้ว ประเทศต้องเดินต่อ หลายคนจะบอกว่านายกฯส้มหล่น นายกฯ ตระบัดสัตย์ ก็พูดกันไป แต่คนเข้าใจจริงจะทราบคณิตศาสตร์เป็นอย่างไร สิ่งที่จะตอบได้ดีสุดคือเรื่องผลงาน

ผู้ดำเนินรายการถามว่า ที่บอกว่าอยู่กับโลกแห่งความเป็นจริง มีสองนัยคืออยู่กับปัจจุบันที่มีอยู่โดยไม่มีความฝันที่จะผลักดันไปวันข้างหน้า นายเศรษฐา กล่าวว่า ความฝัน ความหวัง แรงบรรดาลใจ เป็นภารกิจกิจหลักที่ตนแบกไว้ และต้องนำเสนอ ต้องแสดงให้เห็นใน 4 ปี ต้องทำให้ประชาชนมีความหวัง ถ้าเขาไม่มีความหวัง อีก 4 ปี ก็ไปใช้สิทธิ์สะท้อนออกมาในคะแนนเสียง

  • รธน.ผิดปกติ ต้องแก้ไข

เมื่อถามถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะพูดได้หรือไม่ 1 ปีครึ่ง หรือ 2 ปีจะเสร็จ นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ประชาชนต้องการ สถานการณ์ที่เราอยู่ เป็นความผิดปกติของรัฐธรรมนูญที่ต้องแก้ไข

เมื่อถามว่า นายจาตุรนต์ ฉายแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย บอกว่าเรื่องแก้รัฐธรรมนูญถ้าทำอย่างเต็มที่จะเป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยสัญญาแล้วทำได้จริง นายเศรษฐา กล่าวว่า "ผมเทหมดหน้าตักแล้ว ถ้าเกิดคำว่าไม่เทหมดหน้าตัก แสดงว่ายังมีก๊อกสองในกระเป๋า ผมมีอะไรในกระเป๋า ผมไม่มี ผมเต็มที่กับทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ สังคม รัฐธรรมนูญ เราพูดไปทุกเวที อาจยังไม่มีความชัดเจนเรื่องเวลา ถ้าชัดแล้วจะมีการขีดไทน์ไลน์"

"นายกฯ" เปิดหมดเปลือก ตั้งแต่ตั้งรัฐบาลสลายขั้ว ทำไมไหว้สวย ทุกคำตอบที่นี่

  • รับซื้อขายตำแหน่งทำอย่างไรก็ไม่หมด

เมื่อถามถึง การซื้อขายตำแหน่ง จะทำอย่างไรให้หมดไป นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ใช่แค่ตำรวจอย่างเดียว แต่การให้เกียรติข้าราชการ ไม่ยอมรับการซื้อขายตำแหน่ง การซื้อขายตำแหน่งถือว่าเป็นการคอรัปชั่นที่ร้ายแรงและรัฐบาลนี้ไม่ยอมรับ ส่วนตัวดูกระทรวงการคลังมอบนโยบายก็เน้นเรื่องนี้ ตนไม่ได้หลีกเลี่ยงประเด็นตำรวจ เพราะรู้ว่าข้าราชการตำรวจ เสียเวลาอย่างมากการวิ่งเต้นโยกย้าย ขออภัย ผบ.ตร.ด้วย แต่เป็นเรื่องจริงที่ต้องพูด ก็จะมีการกำกับในเรื่องนี้

และถ้าพูดถึงความเป็นจริง เรื่องซื้อขายตำแหน่งอย่างไรก็ไม่หมดไป แต่ต้องทำให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่ทำได้ ไม่ได้ยอมรับการซื้อขายตำแหน่งแต่เราต้องอยู่กับความเป็นจริง และในเดือน ก.ย.ก็เป็นเดือนที่ร้อนแรงเหลือเกิน ตนคนที่ไม่รู้จักกัน 20 - 30 ปี ก็ส่งเข้ามา ญาติกันเต็มไปหมดเลยตนก็ไม่รู้ เยอะมากเกินไป ที่ปรึกษาที่คุยกันอยู่ให้ปรึกษาไม่ได้ให้เอาคนมาฝากมันอะไรก็ไม่รู้ ตนจะรู้ได้อย่างไรคนไหนเก่งคนไหนดีก็ต้องไปถามผู้บับคับบัญชาเขา เป็นความลำบากใจเหมือนการที่ต้องจัดลำดับความเหมาะสมระหว่าง ภาคการเมือง ภาคธุรกิจและภาคราชการ ที่ต้องให้ความสำคัญ แต่ยืนยันแกนของการทำงานให้ความเป็นธรรมมากที่สุดกับภาคราชการ

  • ลดภาระประชาชน-กระตุ้นเศรษฐกิจ

นายกฯ กล่าวถึงเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง ว่าจะหารือกับผู้ว่าฯ ปตท. เพื่อเจรจาเรื่องค่าไฟฟ้าที่ขณะนี้สามารถปรับลดไปอยู่ที่ 4.10 บาทต่อหน่วย ซึ่งอยากให้ลดลงอีก ซึ่งจะได้สั่งการและเจรจาให้แตะลงมาถึงเลข 3 หากได้รับความร่วมมือก็อาจจะได้เห็นเร็วขึ้น

พร้อมย้ำถึงการผลักดัน เรื่องการท่องเที่ยว ที่จะเป็นเรื่องสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะที่ ครม. อนุมัติวีซ่าฟรี ให้นักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถานไปแล้ว ซึ่งคาดว่าจะได้เงินเข้าประเทศจากวีซ่าฟรีประมาณ 35,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ คาดว่าในช่วงปลายปี จะมีโอกาสเดินทางไปเยือนประเทศอินเดีย เพื่อหารือเรื่องเที่ยวบินในการรองรับนักท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ ส่วนประเด็นเรื่องทุนจีนสีเทาที่หลายฝ่ายกังวล ให้ฝ่ายความมั่นคงไปดูแล  ซึ่งการที่วีซ่าฟรีไม่ได้หมายความว่าจะให้กับกลุ่มที่มีแบล็คลิสต์ ซึ่งกลุ่มดังกล่าวเจ้าหน้าที่ก็จะต้องเข้มงวดต่อไป การมีนโยบายดีๆ ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ หากยังมีปัญหาเก่าอยู่ ซึ่ง ปัญหาเก่าก็ต้องสะสางกันไป

นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า นโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต ยืนยันจะดำเนินการให้ได้ ในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า ไม่ต้องเถียงกันว่า เป็นประชานิยมหรือไม่ เพราะหลายรัฐบาลก็มีการทำเรื่องนี้มา เพื่อนำเงินใส่กระเป๋าให้กับประชาชน ซึ่งเรื่องนี้จะต้องพูดคุยรายละเอียดทั้งเรื่องของระยะทาง ที่อยากให้มีการจับจ่ายในหัวเมืองต่างๆของแต่ละจังหวัด ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายและเพิ่มรายได้ในระยะสั้น เชื่อว่าก่อนที่ตนจะประกาศความชัดเจนว่าจะเริ่มเมื่อใด น่าจะมี การเร่งผลิตและการจ้างงานเพื่อมารองรับ รวมถึงแนะให้ผู้ประกอบการทำการตลาด เพื่อทำให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรี ทั้งนี้ตัวชี้วัดของนายกรัฐมนตรีคือ ระยะเวลา และตัวเลข GDP ส่วนในเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ คือ 1 ในมาตรการระยะสั้นที่รัฐบาลให้ความสำคัญ

  • พ.ย.นี้ประกาศค่าแรงขั้นต่ำ

นอกเหนือจากการลดค่าใช้จ่าย ก็คือเพิ่มรายได้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเชื่อว่า ก่อนปีใหม่ ประมาณเดือนพฤศจิกายน 2566 คาดว่าจะสามารถประกาศค่าแรงขั้นต่ำได้ และต้องดูตามความเหมาะสม เพราะหลายภาคส่วนก็มากกว่าขั้นต่ำอยู่แล้ว โดยรัฐบาลได้มีการพูดคุยกับ SMEs ภาคอุตสาหกรรมบ้างแล้ว ซึ่งถ้าเห็น Roadmap ของรัฐบาลในการเพิ่มรายได้ การเปิดตลาดใหม่ ๆ และมีมาตรการต่อเนื่องเป็นระยะ ก็จะมีแรงจูงใจ รัฐบาลก็สามารถประกาศได้อย่างมั่นใจ เพราะภาคเอกชนก็ส่วนสำคัญ ต้องมองให้ครบทุกมิติ รัฐบาลเข้าใจ และขอรับข้อมูลให้ครบทุกส่วนก่อน เพื่อได้สั่งการอย่างเหมาะสม และมีแผนที่ชัดเจนออกมา ซึ่งนายกรัฐมนตรีคาดว่า น่าจะได้แผนช่วงปีใหม่

  • รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย 3 เดือนจบยาก

ในส่วนเรื่องราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย คาดว่าหากทำภายใน 3 เดือนอาจจะยาก แต่จะเริ่มดำเนินการในทันที โดยได้พูดคุยกับนักกฎหมาย จากปัญหาสะสมมานาน ทั้งเรื่องค้างค่าใช้จ่ายกับภาคเอกชน การประมูลสายสีส้ม การเชื่อมต่อระบบ การใช้ตั๋วใบเดียว ซึ่งหลายสายที่ได้ไปดูมา มีรูปแบบการขึ้นรถต่างกัน พร้อมยืนยันว่าได้เริ่มทำงานแล้ว

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเดินทางไปเข้าร่วมการประชุม UNGA78 ที่สหรัฐฯ จะมีการพูดคุยเรื่องจับคู่ธุรกิจ นำการลงทุนมายังประเทศไทยมากขึ้น เพื่อสานต่อการทำงาน ดึงดูดการลงทุน โดยนายกฯ มองว่า ประเทศไทยมีจุดแข็งทั้งในเรื่องทำเลที่ตั้ง ความพร้อมด้านโครงสร้างสร้างพื้นฐานของประเทศ ทั้งสนามบิน ท่าเรือ ความพร้อมของกฎหมาย และรัฐบาลพยายามปรับปรุงให้เอื้อต่อการลงทุนมากขึ้น ภาคเอกชนไทยแข็งแกร่ง โดยจะเน้นย้ำให้ภาคธุรกิจเห็นถึงความพร้อมของไทยในหลาย ๆ ด้าน ทั้งในเรื่องโรงพยาบาลที่มีความพร้อม และมีศักยภาพ โรงเรียนนานาชาติ รวมถึงคนไทยอัธยาศัยดี สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติสวยงาม

  • ต้องตอบโจทย์และยุติธรรมกับทุกฝ่าย

นายเศรษฐา ยังกล่าวในประเด็นแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำว่า ได้พูดคุยกับอธิบดีกรมสรรพากรคนใหม่ ทั้งในเรื่องภาษีที่ดิน ภาษีโรงเรือน ภาษีมรดก ภาษีลดความเหลื่อมล้ำทั้งหลาย ซึ่งภาษีมรดก เก็บได้ประมาณ 200 ล้านต่อปี ซึ่งมองว่า เป็นเชิงสัญลักษณ์มากเกินไปและอาจมีหลายคนไม่พอใจ ถ้าตนจะไปขุดขึ้นมาใหม่

ทั้งนี้ หลักการของภาษีคือ มีรายได้มาก็ต้องจ่ายภาษี ไม่ว่าจะเป็นรายได้จากอะไร ในอัตราที่เหมาะสม ส่วนกรณีปลัดกระทรวงการคลัง มีการเซ็นกฎหมายเกี่ยวกับการลงทุนในต่างประเทศ ถ้านำเงินกลับเข้ามาต้องเสียภาษี เริ่มต้น 1 มกราคม 67 ซึ่งเป็นนโยบายที่ดีมากต่อยอดมาจากรัฐบาลที่แล้ว ที่ดูแลเรื่องความเหลื่อมล้ำ รัฐบาลจะมีออกมาเรื่อย ๆ โดยยึดหลักว่า ต้องตอบโจทย์และยุติธรรมกับทุกฝ่าย

"นายกฯ" เปิดหมดเปลือก ตั้งแต่ตั้งรัฐบาลสลายขั้ว ทำไมไหว้สวย ทุกคำตอบที่นี่

  • นายกฯไหว้สวย เพราะคุณแม่สอน

เมื่อถามอีกว่า นายกฯ เป็นคนไหว้สวย นายเศรษฐา กล่าวว่า คุณแม่สอนไว้ว่าการไหว้เป็นเรื่องสำคัญ เป็นความประทับใจแรกพบ เป็นการเริ่มต้นที่ดี ถ้าทักทายเหมาะสมเป็นการให้เกียรติให้ความเคารพซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นใครต้องให้ความเสมอภาคตรงนี้ ส่วนเรื่องที่บอกว่าจะนอนทำเนียบนั้น จริงเพราะบ้านที่ตนอยู่เล็ก ต้องมีตำรวจไปดูแลเพื่อนบ้านจะเดือดร้อน รวมถึงต้องใช้เวลาเดินทางเยอะไม่อยากเป็นภาระกับตำรวจและหน่วยรักษาความปลอดภัย คนที่เป็นภาระคือฝ่ายเลขาฯ ระหว่างตนทานอาหารเช้า 06.30 น.ก็ต้องมีคนมาสั่งงานได้แล้ว ตนยอมเป็นภาระกับกลุ่มเลขาฯ สี่ห้าคนเท่านั้น โดยจะไปนอน 3 - 4 วันต่อสัปดาห์ ถ้ามีภารกิจตอนค่ำก่อนนอนก็สามารถสั่งงานก่อนนอนได้อีกครั้ง ยืนยันทำงานเต็มที่ เทหมดหน้าตัก จริงๆ ก็ต้องทำงานหนักจริงๆ ตอนเจอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ ก็เตือนให้ระวังคนจะหาว่าสร้างภาพ ตนเข้าใจในความหวังดี เพราะโดนแน่นอน

  • ให้ประชาชนเขียนประวัติศาสตร์ตัวเอง

เมื่อถามว่า อยากเขียนประวัติให้คนจดจำตัวเองอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนไม่อยากเขียนเรื่องราวตัวเอง แต่อยากให้ประชาชนเขียนเรื่องราวของตน อยากให้ประชาชนเห็นว่าชีวิตความเป็อยู่ดีขึ้นอย่างไร ความแตกแยกของสังคมทั้งความต่างวัย ต่างความคิดเราสามารถ อยู่กันได้โดยไม่พูดจาด้อยค่ากันด้วยคำหยาบคาย อยากให้สัมคมดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อจะหมดวาระ

  • มีโอกาส บอลไทยไปบอลโลก

เมื่อถามว่า นายกฯ เป็นคนชื่นชอบฟุตบอล มีโอกาสหรือไม่ที่บอลไทยจะได้ไปบอลโลก นายเศรษฐา กล่าวว่า มี แต่ต้องมีการตั้งต้นก่อน ต้องร่วมกันพัฒนาวงการกีฬาให้ดีขึ้น เราต้องมีความหวังรัฐบาลมีส่วนช่วยได้ต้องเต็มที่ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกฯ เคยบอกว่าญี่ปุ่นใช้เวลาเริ่มต้นไปบอลโลกได้ใช้เวลา 25 ปี แต่เรามีตัวช่วยอื่นๆ จากโตวตาบอลโลก ยังมีความหวังตนว่าอย่างช้าไม่น่าเกิน 12 ปี ให้อีก 2 - 3 รอบ ถ้าเรามีความหวังผู้สนับสนุนก็จะเข้ามาได้ ทุกภาคส่วนต้องช่วยกัน