svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

รองปลัด ก.ยุติธรรม ยืนยันดูแล "ทักษิณ" ตามระเบียบราชทัณฑ์ ไม่เลือกปฏิบัติ

24 สิงหาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

รองปลัดกระทรวงยุติธรรม สยบข่าวย้าย "ทักษิณ" ไปโรงพยาบาลเอกชน เชื่อศักยภาพโรงพยาบาลตำรวจดูแล 4 โรครุมเร้าได้ ส่ง จนท.ราชทัณฑ์คุมเข้ม ย้ำ การดูแลเป็นไปตามระเบียบ ไม่เลือกปฏิบัติ

24 สิงหาคม 2566 นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ย้ายจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยยืนยันว่า นายทักษิณ ไม่ได้ย้ายไปโรงพยาบาลเอกชนตามที่เป็นกระแสข่าว แต่ไม่สามารถนำภาพมาเผยแพร่ได้ เพราะมีกฎหมายคุ้มครองอยู่ เป็นสิทธิของผู้ต้องขัง รวมถึงสิทธิของผู้ป่วย และขณะนี้ก็ยังอยู่ในการควบคุมตัวของเรือนจำแม้จะอยู่โรงพยาบาลตำรวจ

มั่นใจว่าโรงพยาบาลตำรวจจะสามารถดูแลได้ ซึ่งตามขั้นตอน กรมราชทัณฑ์มี MOU กับโรงพยาบาลตำรวจ กรณีที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่สามารถดูแลได้ เพราะด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์และเครื่องมือที่ใช้ และ ณ เวลานี้กระทรวงฯ ยังยืนยันว่า จะไม่มีการย้ายไปโรงพยาบาลอื่น

รองปลัด ก.ยุติธรรม ยืนยันดูแล \"ทักษิณ\" ตามระเบียบราชทัณฑ์ ไม่เลือกปฏิบัติ

ส่วนของการรักษาเป็นหน้าที่ของแพทย์ การดูแลความปลอดภัย จะมีเจ้าหน้าที่เรือนจำ ไปอยู่ประจำ ทั้งหมด 4 คน และอยู่บริเวณนอกห้องตามหลักเกณฑ์  เพราะอย่างไรก็ยังอยู่ในการดูแลของเรือนจำ หากมาอยู่ด้านนอกต้องเฝ้าระวังมากกว่าปกติ สำหรับตำรวจจะมีการรักษาความปลอดภัยในลักษณะช่วยอีกแรงหนึ่ง เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุยังไง เพราะมีทั้งคนที่มีหลายความรู้สึก ก็ต้องดูแลไม่ให่เกิดปัญหา เพราะถ้าเกิดปัญหา ก็ถือเป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะราชทัณฑ์ หรือตำรวจเอง ในระหว่างการรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ 

นายสหการณ์ ย้ำถึงเหตุผลที่ต้องส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลตำรวจว่า นายทักษิณ มีโรคประจำตัวคือ โรคหัวใจขาดเลือด โรคพังผืดที่ปอด โรคความดัน และโรคกระดูกสันหลังเสื่อม เมื่อเข้าไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ต้องจำกัดสิทธิไม่ได้พบผู้คน จากชีวิตปกติเคยอยู่ในสภาวะที่กินอยู่สุขสบาย ก็จะทำให้เกิดความเครียด เมื่อเกิดความเครียดก็จะทำให้ส่งผลต่อร่างกายที่มีปัญหาอยู่แล้ว

ทั้งนี้ ขั้นตอนการเยี่ยมที่โรงพยาบาลตำรวจ เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กรมราชทัณฑ์กำหนด หากเป็นญาติและครอบครัวต้องไม่เกิน 10 คน และใน 5 วัน แรกจะไม่ให้เยี่ยม เพราะเป็นช่วงของการดูแลรักษาและเป็นไปตามกฎของราชทัณฑ์ หลังจากนั้นหากจะเยี่ยมต้องแจ้งความจำนงค์ไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ถึงจะเข้าเยี่ยมได้ และเมื่อเข้าเยี่ยมจะต้องเคารพกติกาของโรงพยาบาลคือ ประมาณ 11.00-13.00น.และ 17.00-19.00 น. ในวันปกติ และแม้จะอยู่ในโรงพยาบาล ที่มีโทรศัพท์ หากจะติดต่อสื่อสารก็จะต้องแจ้งเจ้าหน้าที่

รองปลัด ก.ยุติธรรม ยืนยันดูแล \"ทักษิณ\" ตามระเบียบราชทัณฑ์ ไม่เลือกปฏิบัติ

ส่วนคนอื่นที่ไม่ใช่ญาติจะเยี่ยมได้หรือไม่นั้น จะต้องเป็นบุคคลสำคัญ เช่น นักการทูต องค์กรระหว่างประเทศ แต่ก็จะต้องสอบถามเจ้าตัวด้วยว่าประสงค์ที่จะให้พบหรือไม่ หากจะกลับเข้าไปยังเรือนจำ จะต้องประเมินอาการให้เข้าสู่ภาวะปกติ โดยแพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัย และหากจะกลับเข้ามายังเรือนจำก็จะเป็นอำนาจของผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ยังบอกอีกว่า ขณะนี้นายทักษิณ ไม่ได้ร้องขออะไรเป็นเป็นพิเศษ ส่วนเรื่องแอร์เสีย ตนเองได้ยินพร้อมกับสื่อมวลชน ส่วนอาหารการกินก็อยู่ในอำนาจของโรงพยาบาล พร้อมย้ำ ตนเองได้เจอวันรับตัวเข้าเรือนจำ ซึ่งนายทักษิณ ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงสแลคสีกรมท่า และใน 10 วันแรกกักโรค ยังไม่ได้ทำอะไร ยังไม่ได้ตัดผม และยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่จะเปลี่ยนเป็นชุดอะไรเรือนจำก็จะต้องไปดู จนกว่าจะพ้นกักโรค 10 วัน

เรื่องของการดูแลชีวิตผู้ต้องขัง หรือนักโทษ เป็นเรื่องที่มีความจำเป็น เพราะฉะนั้น ผมคิดว่าถ้าหน่วยที่ดูแลไม่สามารถดูแลได้ เมื่อแพทย์วินิจฉัยแล้ว และถ้าไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้ ก็ต้องส่งไปโรงพยาบาลอื่นเป็นเรื่องปกติ เพื่อหาทางยื้อชีวิตไว้ให้ได้ แต่ ณ เวลานี้ กระทรวง ยังยืนยันว่า จะไม่มีการย้ายไปไหน และหากจะย้ายโรงพยาบาล ต้องมีข้อมูลทางการแพทย์ มายืนยันอย่างชัดเจนว่าแพทย์ไม่สามารถดูแลได้ จะใช้ความรู้สึกไม่ได้

รองปลัด ก.ยุติธรรม ยืนยันดูแล \"ทักษิณ\" ตามระเบียบราชทัณฑ์ ไม่เลือกปฏิบัติ

ยืนยันว่าที่ผ่านมาหากมีผู้ป่วยฉุกเฉิน หรือผู้ป่วยขั้นวิกฤต ถูกส่งต่อไปยังโรงพยาบาลแม่ข่าย หรือโรงพยาบาลตำรวจ และกรมราชทัณฑ์ทำมาตลอด แต่อาจจะไม่ได้เป็นข่าวเพราะไม่ใช่บิ๊กเนม หรือบุคคลสำคัญ

ผู้สื่อข่าวถามว่า 4 โรคของนายทักษิณ ศักยภาพของโรงพยาบาลตำรวจ จะสามารถดูแลได้หรือไม่ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ตอบว่า ตนก็เชื่ออย่างนั้นเพราะในเบื้องต้นจากการประเมินแล้วโรงพยาบาลตำรวจยังรับมือไหว และย้ำว่า ยังไม่มีการส่งไปไหนยังรักษาอยู่โรงพยาบาลตำรวจ

สิ่งสำคัญกรมราชทัณฑ์ ก็จะพิสูจน์ให้สังคมเห็นว่า ได้ทำไปตามอำนาจหน้าที่ โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ สังคมน่าจะรับได้ แม้จะยังมีคำถามมากมายตอนนี้ก็ตาม

logoline