svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ภูมิธรรม"ย้ำถ้าลงตัวได้เห็นโฉมหน้ารัฐบาลปลายส.ค.หรือต้นก.ย.นี้

"ภูมิธรรม" มั่นใจไม่เกินต้นเดือน ก.ย.ตั้งรัฐบาลสำเร็จ ขอบคุณ"ชัยธวัช" ห่วง "เพื่อไทย" โดนรุมกินโต๊ะ โต้ "ศิธา" พูดไปเรื่อยเพราะผิดหวังหลังบอกสุดท้ายนายกฯ ตก "ลุงป้อม" เมิน "ชูวิทย์" แฉ "เศรษฐา" ภาค 2 เชื่อโหวตม้วนเดียวจบ

15 สิงหาคม 2566 "นายภูมิธรรม เวชยชัย" รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า การรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล โดยแนวโน้มจากการพูดคุยและทิศทาง พบว่าพรรคการเมืองต่างๆ ยกเว้น 2-3 พรรค ต่างมองว่าขณะนี้เป็นวิกฤตของประเทศจริงๆ ซึ่งได้ไตร่ตรองพรรคการเมืองต่างๆที่จะมาร่วมกันแก้วิกฤต และผลักดันเรื่องต่างๆ ซึ่งค่อนข้างมั่นใจว่าเสียงสามารถเป็นรัฐบาลที่มีความเข้มแข็งได้ ทั้งนี้ หากประธานรัฐสภานัดวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเมื่อไหร่นั้น ก็พร้อม และเชื่อว่าภายใต้กติกาที่มีข้อจำกัด จะผ่านไปได้ และครั้งเดียวน่าจะจบ

ส่วนที่มีการตั้งคำถาม หากพรรคพลังประชารัฐมาโหวตให้พรรคเพื่อไทย ภาพที่ออกมาจะเป็นลักษณะอย่างไรนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องการจะจับมือยังไม่ใช่สาระสำคัญ สิ่งสำคัญ คือ มีความเข้าใจกัน สามารถที่จะใช้แนวทางในการบริหารประเทศ เพื่อแก้ 3 วิกฤตที่เคยประกาศไปก่อนหน้านี้ ซึ่งพรรคพลังประชารัฐได้แสดงจุดยืนว่า จะเข้าร่วมโดยไม่คำนึงว่าจะต้องมีตำแหน่งอะไร ถือเป็นคุณสมบัติขั้นต้นที่เคยพูดไปว่ายินดีที่จะร่วมกับทุกพรรค เห็นชอบที่จะเสนอพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และเสนอ "นายเศรษฐา ทวีสิน" เป็นนายกรัฐมนตรี 

ขณะที่ขั้วรัฐบาลเดิมที่จะมาร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยขณะนี้ มีกระแสข่าวว่าได้ยื่นเสนอให้แบ่งกระทรวงกันให้ชัดเจนก่อนเลือกนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม กล่าวว่า เท่าที่พูดคุยกันไม่มีปัญหา ตนเองไม่ทราบว่าไปได้ยินมาจากที่ไหน พร้อมยืนยันว่า สร้างความมั่นใจที่ชัดเจนให้เกิดขึ้น ซึ่งต้องดูว่าจะทำอย่างไร แต่ทั้งหมดต้องร่วมมือกัน พร้อมยืนยันไม่มีปัญหาอย่างที่ถามแน่นอน รวมถึงไม่กังวลในเรื่องเหล่านี้

เมื่อถามย้ำว่า ตำแหน่งในแต่ละกระทรวงยังไม่ใช่สิ่งที่พรรคร่วมยื่นข้อเสนอมาตามที่มีกระแสข่าวใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นปัญหา สิ่งที่ได้พูดคุยกันถือเป็นเรื่องธรรมดาที่แต่ละพรรคการเมืองจะบอกว่ามีความถนัด ความเชี่ยวชาญ รวมถึงมีนโยบายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องอะไร ซึ่งถือเป็นการพูดคุยเบื้องต้น แต่ได้บอกไปแล้วว่า จะเลือกนายกรัฐมนตรีจากพรรคแกนนำให้สำเร็จก่อน จากนั้นจะมาพูดคุยกัน พร้อมย้ำว่าไม่ได้แย่งกันในเรื่องนี้ แต่จะต้องพูดคุยกันว่าใครมีความเหมาะสมอย่างไร หากวันที่ 18 หรือ 21 ส.ค.นี้ ที่คาดว่าจะเลือกนายกฯ หากเลือกได้เลยก็จะประชุมร่วมตกลงกัน และสามารถตั้งรัฐบาลได้ในเร็ววัน 

เมื่อถามว่า การประชุม สส.ของพรรควันนี้ (15ส.ค.) จะเปิดโอกาสให้ สส. ได้แสดงความคิดเห็นเรื่องการที่จะนำเสียงของพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ มาโหวตนายกฯ ให้หรือไม่ เนื่องจากมี สส.บางคนรู้สึกไม่พอใจในเรื่องการดึงพรรค 2 ลุงมาร่วมด้วย นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนไม่ได้ยินเรื่องนี้ ซึ่ง สส.ทุกคนก็ให้กำลังใจทีมเจรจา ในการเดินหน้าทำงาน ที่อยู่ภายใต้ข้อจำกัด เนื่องจากตัวเลขที่ออกมา ไม่ตรงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้

ส่วนปัญหาของประเทศขณะนี้ก็ไม่สามารถรอได้ ทั้งที่สะสมและปัญหาใหม่ที่เข้ามา จึงจำเป็นจะต้องจัดตั้งรัฐบาลให้ได้โดยเร็ว พร้อมยอมรับว่าตัวเลขทางคณิตศาสตร์ที่ออกมาก่อนหน้านี้ เป็นความยากลำบากในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะฝ่ายประชาธิปไตย จะจัดการหรือผสมกันอย่างไรก็ไม่ผ่าน เพราะทุกฝ่ายแสดงท่าทีชัดเจน พรรคเพื่อไทยจึงตัดสินใจสลายความขัดแย้ง

"แม้จะมีความยากลำบากและความเจ็บปวด ของการเปลี่ยนแปลง ซึ่งวันนี้เพื่อไทยขออาสาเป็นหินก้อนแรกในการสร้างทางใหม่ ขยายความร่วมมือเเละลดความขัดแย้ง วันนี้จึงเชื่อว่าความร่วมมือทางการเมือง มาช่วยกันแก้ปัญหาจะเป็นทางออกที่ทำให้ศาสตร์การเมืองต่างๆ สามารถร่วมงานได้ และเชื่อว่าเรื่องนี้จะเป็นบรรทัดฐาน ให้เราสามารถฝ่าวิกฤตที่สะสมมาเกือบ 20 ปีได้ โดยเมื่อเพื่อไทยตัดสินใจแล้วก็พร้อมจะเดินไปข้างหน้า แก้ไขปัญหาประเทศไทยภายใต้เงื่อนไขที่มีอยู่ ต้องคิดใหญ่ ใจใหญ่บนเส้นทางที่คับแคบ ต้องฝ่าไปให้ได้ ทั้งหมดอยู่ในสายตาประชาชน หากว่าตัดใจผิดพลาดก็พร้อมจะรับผิดชอบ" นายภูมิธรรม กล่าว  

เมื่อถามต่อว่า จะต้องกำชับกับ สส.อธิบายให้สังคมเข้าใจในเรื่องนี้หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ได้ทำความเข้าใจ สส.ไปแล้ว ซึ่งมีการรายงานความคืบหน้ามาอย่างต่อเนื่อง และ จากการฟังเสียงสะท้อนก็ไม่มีอะไรเป็นลบมาก วันนี้ที่มีการประชุม สส. ก็จะมีการสรุปสถานการณ์ให้ทราบ เพราะการเมืองเปลี่ยนทุกชั่วโมง วันนี้เพื่อไทยได้แสดงความพร้อม และทำให้เห็นแล้วว่า มีโอกาสที่จะเป็นรัฐบาลและมีนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย ซึ่งเสียงขณะนี้ มีแนวโน้มเกิน 250 เสียง และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เชื่อว่าเพื่อไทยจะสามารถตั้งรัฐบาลได้ภายในไม่กี่วัน และนำนโยบายต่างๆของพรรคร่วมมาพูดคุยกันว่า นโยบายหลักของรัฐบาลจะเป็นอย่างไร เพราะหากยิ่งช้าก็จะยิ่งทำงานยาก ซึ่งหากเป็นไปตามแผนปลายเดือนส.ค. หรือต้นเดือน ก.ย. นี้ก็จะได้รัฐบาล มาบริหารประเทศได้ 

เมื่อถามถึงกรณี "นายชัยธวัช ตุลาธน" เลขาธิการพรรคก้าวไกล ที่แสดงความเป็นห่วงว่าพรรคเพื่อไทยกำลังถูกบีบจากพรรคร่วมรัฐบาลเดิม โดยเฉพาะการต่อรองตำแหน่ง ครม. นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนขอบคุณนายชัยธวัช ที่เป็นห่วง แต่ใครจะรู้ดีเท่าที่พรรคเพื่อไทย วันนี้เพื่อไทยสบายๆ เพราะเอาประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ก็เลยทำให้มีการพูดคุยได้ง่าย ไม่ได้ใช้วิธีเดิมที่ก้าวไกลเคยทำ เพราะรู้ว่าเส้นทางนั้นเป็นทางที่ยากลำบากและเป็นทางตัน จึงต้องหันมาหาทางใหม่ แม้จะคับแคบ และมีอุปสรรค

"แต่ด้วยการคิดที่ใจใหญ่ของเพื่อไทย อยากให้ทุกฝ่ายเคารพความเป็นพรรคการเมือง ซึ่งมีฐานประชาชนมาจากหลายสาขาวิชาชีพ ทำให้สามารถฝ่าฟันมาจนถึงทุกวันนี้ วันนี้ได้คิดหลายเรื่องซึ่งคิดว่าเป็นทางออกที่ดี จึงอยากให้ประชาชนมั่นใจว่า ความเดือดร้อนทุกอย่างที่กำลังเผชิญอยู่เรากำลังแก้ปัญหา ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกๆ" รองหัวหน้าพรรค ระบุ

ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ถือว่าเป็นหัวใจของปัญหาเช่นเดียวกัน แม้ไม่สามารถแก้ได้เร็วๆวัน แต่ต้องเข้าสู่กระบวนการ เพื่อเปิดประตูบานแรกให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา ซึ่งทุกอย่างมีการวางกรอบเวลาทั้งระยะสั้น กลางและระยะยาว ส่วนกรณีที่มี สว. บางคน เรียกร้องให้นายเศรษฐา แสดงวิสัยทัศน์ในวันโหวตนายกฯนั้น ให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ระเบียบปฏิบัติของรัฐสภา ซึ่งเคยปฏิบัติมาอย่างไรก็ให้ทำไปตามนั้น หากรัฐสภากำหนดให้ทำเพื่อไทยก็ยินดี 

สำหรับเสียงสนับสนุนจาก สว. ขณะนี้ มั่นใจว่า ได้มากกว่าที่เคย ได้มาทุกครั้งแน่นอน เพราะจากการพูดคุย ก็บอกชัดเจนว่าเพื่อไทยมีวุฒิภาวะ ในการประสานแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศ ซึ่งถือว่ามาในทิศทางที่ดี ส่วนจะมากกว่าร้อยเสียงหรือไม่ ตนตอบไม่ได้ เพราะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ สว.แต่คน 

เมื่อถามว่า หากท้ายที่สุดชื่อนายเศรษฐา ไปต่อไม่ได้ ชื่ออาจจะไปตกที่ "น.ส.แพทองธาร ชินวัตร" หรือ "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" จำเป็นต้องปรับแผนรับสถานการณ์หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่เชื่ออย่างนั้น แต่เชื่อว่าโหวตครั้งเดียวผ่าน ขออย่ากังวลใจในเรื่องนี้ พรรคทำอย่างเต็มที่ และรู้ว่าพรรคการเมืองอันดับ 1 ได้ทำอะไร และประสบปัญหาอะไร ซึ่งเพื่อไทยได้แก้ปัญหานั้น และได้ใช้ความพยายามจนสุดความสามารถในการแจ้งพรรคการเมืองทุกพรรคที่จะร่วมมือกับเพื่อไทย รวมถึง สว. พร้อมย้ำว่า ในเรื่องรายละเอียดไม่มีปัญหาอะไร แต่ขณะนี้ต้องระมัดระวังข่าวลือ การคาดการณ์ บางครั้งอาจเป็นข้อมูลให้ได้คิด แต่อย่าไปเอาใจใส่ และคิดเรื่องนี้มากนักเพราะอาจจะเป็นข้อมูลที่ไม่มีข้อเท็จจริง และอาจสร้างความสับสนได้ 

ส่วนกรณีที่ "น.ต.ศิธา ทิวารี" แกนนำพรรคไทยสร้างไทย ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงตำแหน่งนายกฯ ที่สุดท้ายชื่อจะไปตกที่ พล.อ.ประวิตร นั้น ก็พูดอยู่ได้เรื่อยๆ วิพากษ์วิจารณ์ คาดการณ์กันไป ตนเองมองว่า 1-2 เดือนนี้ ทุกอย่างจะชัดเจน และจะตอบว่าใครอยู่บนความเป็นจริง และใครมีแต่คัดค้าน พูดจาไปเรื่อย แต่ยินดีที่จะรับฟัง บางคนทราบว่า มันไม่เป็นไปตามความคาดหวัง หรือแนวคิดของเขา ทำให้อาจจะหงุดหงิดบ้าง และย้ำว่าพร้อมรับฟังความคิดเห็นไม่ว่าจะสนับสนุน หรือ คัดค้าน 

สำหรับกรณีที่ "นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" อดีตนักการเมือง จะออกมาแฉนายเศรษฐา ต่อเป็นตอนที่ 2 ในช่วงบ่ายของวันนี้ จะส่งผลต่อการโหวตนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องทราบและรู้จักนายชูวิทย์ ว่า เขาเป็นนักการตลาดที่สำคัญ ทำเรื่องราวต่างๆให้ตื่นเต้นตลอด แต่ผลที่ผ่านมาในอดีตเป็นอย่างไร ก็พิจารณากันเอง ซึ่งเชื่อว่าประชาชนมีวิจารณญาณ