10 สิงหาคม 2566 ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นกรณีการโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งต่อไปหากรัฐสภาไม่เห็นชอบแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เพราะไม่ต้องการแสดงความคิดเห็นที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการทำงานพรรคเพื่อไทย ซึ่งต้องการให้พรรคเพื่อไทยได้ทำงานอย่างเต็มที่ หากวันโหวตผลออกมาเป็นอย่างไรก็พร้อมที่จะให้ความคิดเห็นอีกครั้ง เพราะหากพูดอะไรออกไปก่อนเมื่อมีน้ำหนักก็ต้องระมัดระวัง และชี้แจงว่าการที่ สส.ก้าวไกล สอบถามความเห็นเกี่ยวกับการโหวตนายกฯ จากประชาชนในโซเชียลมีเดีย ไม่ได้เป็นการฟ้องประชาชน
ส่วนกรณีหากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้สามารถเสนอชื่อนายพิธา ในรอบที่ 2 ได้นั้น นายพิธา บอกว่า ต้องรอดูคำสั่งศาลก่อน แต่ในข้อเท็จจริง ตามข้อบังคับที่ 41 หากมีอะไรเปลี่ยนแปลงก็สามารถที่จะเสนอชื่อตนได้ เช่น หากมีการเสนอชื่อ ประกบคู่แข่งขันกัน ระหว่างตนกับคนอื่น ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรอคำสั่งศาล สามารถต่อสู้กันได้เลย เชื่อว่าโอกาสที่จะเสนอชื่อยังมีอยู่ ซึ่งต้องดูเวลาที่เหมาะสม และในตอนนี้จึงทำได้เพียง เป็นกำลังใจให้กับ สส.พรรคก้าวไกล ที่ทำงานอยู่ พร้อมเตรียมลงพื้นที่หาเสียงการเลือกตั้งซ่อม จ.ระยอง
"เมื่อตีความตามตัวอักษร หากมีคู่แข่งก็สามารถที่จะเสนอชื่อผมได้ เพราะสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป แต่ในตอนนี้ก็ต้องให้เกียรติกับพรรคเพื่อไทยด้วย ซึ่งพรรคก้าวไกลส่งไม้ต่อไปแล้ว แต่ว่าเป็นคนละเรื่องที่จะโหวตหรือไม่โหวตให้แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย โดยเมื่อวานเพียงรับฟังความเห็นจากแกนนำพรรคเพื่อไทยเท่านั้น" นายพิธา ระบุ
สำหรับการเลือกตั้งซ่อมเขต 3 จ.ระยอง นั้น นายพิธา กล่าวว่า ว่าที่ผู้สมัครที่จะส่งรักษาเก้าอี้ สส. คือ นายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ เคยทำงานมาตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่และมีความคุ้นเคยกับพื้นที่เป็นอย่างดี เชื่อมั่นว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของพรรคก้าวไกล
พร้อมกับสอบถามว่ามีพรรคการเมืองใดส่งผู้สมัครแข่งขันบ้าง มีนายสาธิต ปิตุเตชะ จากพรรคประชาธิปัตย์ หรือไม่ โดยมองว่าก็ดีเพราะว่าการเลือกตั้งจะคึกคักอีกครั้ง และ จ.ระยอง เป็นพื้นที่หนึ่งในดวงใจ ที่ผ่านมาเสียงตอบรับจากการลงพื้นที่ดีมาก
นายพิธา ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายวิษณุเครืองาม รองนายกฯ ให้ความเห็นในเชิงกฎหมายว่าพรรคก้าวไกลจะต้องเลือกระหว่างตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านและตำแหน่งรองประธานสภาฯ ว่า ตอนนี้พรรคมีทางออกที่เหมาะสมแล้ว หากถึงวันจะต้องเลือก พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า พรรคก้าวไกลอาจจะไม่ได้เป็นพรรคฝ่ายค้านก็ได้ใครจะรู้ พร้อมกับหัวเราะ และกล่าวขอบคุณ
นายพิธา ยังบอกอีกว่า วันนี้เป็นวันแรกที่ได้เข้ามายังรัฐสภา นับจากวันที่ศาลสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ เมื่อ 19 กรกฎาคม จึงต้องการมาทานของโปรดและอาหารที่ชอบ โดยได้ซื้อน้ำมะพร้าวกับไอศกรีมกะทิมหาชัย ใส่ท็อปปิ้งลอดช่อง จากนั้นนายพิธาได้เป็นนั่งทานไอศกรีม พร้อมกับพูดคุยกับสื่อมวลชน
นายพิธา ยังได้ทักทายและถ่ายรูปร่วมกับ ประชาชน ทีมงาน สส. แม่บ้าน แม่ค้าในโรงอาหาร รวมถึง สส.ของพรรค ซึ่งจังหวะหนึ่ง แม่ค้าได้มอบน้ำส้มให้กับนายพิธา รวมถึงฝากขนมให้กับน้องพิพิมบุตรสาวของนายพิธาด้วย
นายพิธา ยืนยันว่าไม่ได้ฝ่าฝืนคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่แล้วเข้าสภา เพราะวันนี้ตอนเข้าก็ได้นำบัตรประชาชนไปแลก ไม่ได้ใช้สิทธิ์ สส. วันนี้มาทานข้าวตามปกติ เพื่อให้ สส.พรรคก้าวไกลอุ่นใจว่าหัวหน้าไม่ได้ทิ้ง ยังฟังคำอภิปรายของพวกเขาอยู่ และเป็นกำลังใจในการทำงานให้กับพวกเขา พร้อมกับโชว์บัตรให้ผู้สื่อข่าวได้ดู
"อยากจะส่ง soft Power ไปให้พวกเขา ว่าหัวหน้ากำลังติดตามอยู่ ชื่นชมในการอภิปรายครั้งแรก แล้วยังหวังว่าจะได้รีบกลับมาในสภาโดยเร็ว เพราะมีหลายเรื่องที่พรรคเตรียมไว้"
เมื่อถามว่า หากสุดท้ายแล้วพรรคก้าวไกลได้เป็นฝ่ายค้าน การตรวจสอบจะเข้มข้นอย่างไร นายพิธา ระบุว่า แน่นอนหน้าที่ใครหน้าที่มัน แต่อยากจะบอกว่าถ้าเป็นฝ่ายบริหาร จะทำงานได้เข้มข้นกว่า ต้องการที่จะเป็นฝ่ายบริหารที่ทำงานด้วยข้อมูล และรวดเร็ว ให้ได้ผลลัพธ์มากที่สุด และเปลืองภาษีประชาชนให้ได้น้อยที่สุด ใช้งบประมาณไม่ตรงกับความท้าทายของยุคสมัย ฉะนั้นใครที่เคยประทับใจการทำงานเมื่อตอนที่เป็นฝ่ายค้าน
ซึ่งตอนนี้ก็ต้องตามมารยาททางการเมืองให้พรรคเพื่อไทยจัดไปก่อน สักวันหากเปลี่ยนใจอยากให้คนรุ่นใหม่ ได้ลองทำงานลองดูซิว่าจะเป็นอย่างไร ตนก็พร้อมที่จะทำงานอย่างเต็มที่ เพราะคิดมาอย่างถี่ถ้วนพอสมควร ได้ศึกษาวิธีการแก้ไขปัญหาของแต่ละประเทศมา อยากจะทำงานให้เห็นว่าประเทศไทยไปไกลได้มากกว่านี้ ฉะนั้นหากประทับใจ ความเข้มข้นของฝ่ายค้าน ถ้าเป็นรัฐบาลเข้มข้นกว่าแน่นอน
จากนั้น นายพิธาได้เดินไปทักทายใน นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พร้อมสวมกอด แล้วกล่าวว่า มาให้กำลังใจ และพูดคุยถึงเรื่องที่นายรังสิมันต์ เดินทางไปประชุมที่อินโดนีเซีย ซึ่งได้พูดคุยกับ พ.ท.หญิงแทมมี ลัดดา ดักเวิร์ธ สว.สหรัฐอเมริกา ที่เป็นคนไทย
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้แซว นายรังสิมันต์ ต่อหน้านายพิธาว่า นี่จะเป็นหัวหน้าคนต่อไปใช่หรือไม่ ทำให้นายพิธาหัวเราะ และนายรังสิมันต์ ตอบกลับว่า โอ๊ยอย่าเพิ่งเลยครับ
นายพิธา ยังเปิดเผยว่าปัญหาสุขภาพตอนนี้แข็งแรงดี ขณะที่สื่อแซวให้เบ่งกล้ามโชว์ นายพิธาปฏิเสธ พร้อมระบุว่า อายคน เดี๋ยวเบ่งแล้วมันไม่มี ช่วงนี้ฝนตกไข้หวัดมีหลายสายพันธุ์ ขอให้ประชาชนและพี่น้องสื่อมวลชนช่วยกันระวัง