4 สิงหาคม 2566 แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทย เเจ้งว่า กรณีที่"นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" เเถลงข่าว เปิดข้อมูลอ้างว่า"นายเศรษฐา ทวีสิน" เเคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยทำนิติกรรมอำพราง การซื้อขายที่ดินของบริษัท เเสนสิริ จำกัด(มหาชน) ในช่วงที่นายเศรษฐาบริหารบริษัทดังกล่าวว่ามีการเลี่ยงภาษี 521 ล้านบาทนั้น
ยืนยันว่าก่อนที่ "นายเศรษฐา" จะมาร่วมงานการเมืองกับพรรคนั้นได้ตรวจสอบข้อมูลเเละคุณสมบัติต่างๆของ"นายเศรษฐา"ครบถ้วนในช่วงบริหารงานในบริษัทดังกล่าวเเล้วว่าไม่มีการกระทำที่ผิดกฎหมาย เลี่ยงภาษีหรือขัดหลักธรรมาภิบาลที่เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจก่อนมาทำงานการเมืองเเน่นอน
เเหล่งข่าว กล่าวว่า เพราะพรรคทราบดีว่าเเคนดิเดตนายกฯ เเละผู้สมัคร สส.ทุกคนของพรรค รวมทั้งนโยบายที่จะใช้หาเสียงในการเลือกตั้งครั้งนี้จะถูกหลายฝ่ายจับตาเเละตรวจสอบ พรรคจึงดำเนินการให้ทุกอย่างโปร่งใสเเละไม่ผิดกฎหมายเเน่นอน
เเหล่งข่าว กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ "นายชูวิทย์" เคยเคลื่อนไหวตรวจสอบพรรคอื่นๆ เช่น พรรคภูมิใจไทย เเต่สุดท้ายก็ยุติลงเเบบดื้อๆ เเละเคยบอกว่าจะเเถลงข่าวที่เกี่ยวกับ "นายเศรษฐา" เเละมีผลกระทบกับ "พรรคเพื่อไทย" ในช่วงเป็นเเกนนำจัดตั้งรัฐบาล ตรงนี้ไม่ทราบเจตนา "นายชูวิทย์" ว่าดำเนินการหวังผลอะไรกันเเน่ เพราะข้อมูลต่างๆที่ "นายชูวิทย์" พาดพิงนายเศรษฐาในครั้งนี้ สามารถตรวจสอบได้ทั้งหมด เพราะการดำเนินการทางธุรกิจของบริษัท เเสนสิริ จำกัด (มหาชน) ผู้ถือหุ้นหรือฝ่ายต่างๆ สามารถสอบทานผลการดำเนินการในทุกปีที่ต้องรายงานต่อตลาดหลักทรัพย์เเห่งประเทศไทยได้ตลอดเวลา
เเหล่งข่าว ยังกล่าวอีกว่า การเเถลงข่าวของ"นายชูวิทย์"ในครั้งนี้น่าจะมีเบื้องหลังบางอย่างที่ส่อว่าจะขัดขวางการตั้งรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นเเกนนำ เพราะข้อเท็จจริงทั้งหมดในการยกเลิกการตั้งรัฐบาล 312 เสียงที่มีพรรคก้าวไกลเคยร่วมด้วยนั้น ข้อเท็จจริงนั้นทุกฝ่ายรู้กันเเล้วว่าดำเนินการตามเเนวทางนั้นไม่ได้
ดังนั้นการยุติ MOU 8 พรรคเเล้วพรรคขอดำเนินการใหม่ทั้งหมดในการประสานพรรคต่างๆ เเละขอคะเเนนจาก สว.นั้นไม่ใช่เป็นการเปลี่ยนจุดยืน เพราะพรรคต่างๅเเละ สว.ยืนยันว่าไม่สนับสนุนการตั้งรัฐบาลที่มีพรรคก้าวไกลร่วมด้วย
"เมื่อพรรคเพื่อไทยต้องตัดสินใจเพื่อเดินหน้าประเทศเเละรักษาการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขพรรค ได้พิจารณาทุกวิถึทางเเละขอความเห็นจากพรรคก้าวไกลทุกครั้ง จนถึงเหตุล่าสุด พรรคจำเป็นต้องยกเลิกการจับมือ 8 พรรค ซึ่งทุกฝ่ายทราบกันดีกับเหตุผลทางการเมืองในช่วงนี้"
"เเต่จะพบว่านายชูวิทย์จะเเสดงความเห็นเชิงลบกับพรรคเพื่อไทยเสมอว่า โกหกประขาชน หักหลังเพื่อน หักหลังอุดมการณ์เเละดิสเครดิตเเกนนำพรรครวมทั้งเเคนดิเดตนายกฯ ของพรรค เเละคล้ายว่าสนับสนุนพรรคก้าวไกล ทั้งๆที่นายชูวิทย์ก็เคยเป็นนักการเมืองเเละนักธุรกิจ เเต่กลับเลือกวิจารณ์เชิงลบกับพรรคเพื่อไทยเเละเเคนดิเดตนายกฯในช่วงนี้ มันไม่เป็นธรรมกับพรรค รวมทั้งนายเศรษฐาเเละบริษัทเเสนสิริ
เเละอย่าลืมว่าการทำธุรกิจของนายชูวิทย์ในอดีตรวมทั้งการเคลื่อนไหวหลายวาระ ก็มีข้อสังเกตว่านายชูวิทย์มีเจตนาซ่อนเร้นในวาระเหล่านั้นหรือไม่ ตรงนี้ขอสังคมช่วยสอบถามนายชูวิทย์ด้วย" แหล่งข่าวกล่าว