svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"เพื่อไทย"ยับเยินหลังฉีก MOU-ถาม"โทนี่"ยังกล้ากลับ 10 ส.ค.ไหม?

"จตุพร พรหมพันธุ์" ชี้จากนี้ไป "เพื่อไทย" รอยับเยิน หลังฉีก MOU ก้าวไกล มองไม่ง่าย พท. ได้เสียง สว. หนุนโหวต "เศรษฐา ทวีสิน" แนะเตรียมรับทัวร์ลงจากมวลชนต่อจากนี้ ถาม "ทักษิณ" 10 ส.ค. ยังกล้ากลับอยู่ไหม

3 สิงหาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า "นายจตุพร พรหมพันธุ์" วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ได้เฟซบุ๊คไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "สุด?" เมื่อวันที่ 2 ส.ค. 2566 ที่ผ่านมา ว่า พรรคเพื่อไทยฉีก MOU 8 พรรคเป็นการทรยศเพื่อนเพื่อไปตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว เท่ากับตระบัดสัตย์ต่อประชาชน และยังส่อแววดิ้นหนีไม่พ้น ดึงพรรคสองลุงเข้าร่วมรัฐบาล แล้วแปลงร่างยอมสยบเป็นพรรคลูกมือการสืบทอดอำนาจ

นายจตุพร กล่าวว่า ถัดจากนี้ไปพรรคเพื่อไทยจะเป็นพื้นที่ชุมนุมของประชาชนมาต่อต้าน เพราะการชวนพรรค 188 เสียง มาดูดดื่มมิ้นท์ช็อคแล้วประกาศไม่เอาพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล โดยไม่เกี่ยวกับการแก้ มาตรา 112 จึงเป็นเหตุผลตั้งต้นหลัก กับการอ้างฉีก MOU 8 พรรคไปตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว ซึ่งแถลงเป็นทางการเมื่อ 2 ส.ค. ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้นการตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว พรรคเพื่อไทยหมายมั่นจะทำประชามติตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) มาแก้ รธน. 2560 แล้วยุบสภา ซึ่งเป็นสูตรสำเร็จในการซื้อเวลาแบบเดิมๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้พยายามแก้ รธน. กันมาหลายรอบ แต่ถูกอำนาจขู่ยังหวาดกลัว แล้วทำไม่สำเร็จ ดังนั้น ในครั้งนี้ การแก้ รธน.ย่อมไม่ง่าย เนื่องจากมติผ่านบังคับให้ใช้เสียงฝ่ายค้าน 20% มาผสมด้วย อีกทั้ง ไม่มีอะไรมายืนยันได้ว่า พรรครัฐบาลข้ามขั้วจะร่วมมือหรือเห็นชอบด้วย

ส่วนการโหวตนายกฯ วันที่ 4 ส.ค.นั้น เชื่อว่าโอกาสของ "นายเศรษฐา ทวีสิน" แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย จะผ่านมีน้อยมาก โดยเท่าที่ประเมินแล้ว คาดรัฐบาลรวมเสียงได้ประมาณ 263 เสียง ซึ่งไม่มีพรรคจากขั้วอำนาจลุงเข้าร่วม ดังนั้น ต้องใช้เสียงอีก 113 เสียง จึงจะเกินครึ่งของจำนวนสมาชิกรัฐสภา (ตาม รธน.มาตรา 272) คือ 376 ซึ่งเพื่อไทยหวังว่า สว.จะโหวตให้ แต่คงยากเต็มที

สาเหตุความไม่น่าจะเป็นนั้น เชื่อว่าสิ่งสำคัญมาจากความสัมพันธ์ของ สว. 250 คน มีที่มาจากการแต่งตั้งจาก "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" และ "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" ซึ่งมีอำนาจนำในพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ตามลำดับ เมื่อพรรคทั้งสองลุงนี้ไม่ได้ร่วมรัฐบาลผสมด้วย เสียง สว.ย่อมมาโหวตให้นายเศรษฐา ได้น้อยมาก

"สูตรรัฐบาลประมาณ 263 เสียง ไม่มีพรรคขั้วอำนาจของลุงมาร่วมด้วย จึงไม่มีความเป็นจริง เอาแค่ดึงพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) มาร่วมยิ่งยากกว่าอีก เพราะเป็นพรรคไม่เผาผีกับเพื่อไทยมาตลอด ดังนั้น ด่าน ปชป.ย่อมหินกว่านำพรรคสองลุงมาเป็นรัฐบาล โดยคิดเพียงแค่นี้ก็เหนื่อยแล้ว" นายจตุพร ระบุ

นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อเพื่อไทยฉีก MOU แยกตัวออกจากก้าวไกล จึงเป็นความเสื่อมที่สุด เพราะไม่มีความชอบธรรม และเป็นวิธีการ "ฆ่าเพื่อน ฆ่าพวก" แต่ไม่สามารถเดินหน้าตั้งรัฐบาลให้ราบรื่นได้ แล้วในที่สุด ก็ส่อแววจะนำตำแหน่งนายกฯ ไปคืนให้พรรคสองลุง ซึ่งยิ่ง..ิบหายมากขึ้น

"การเริ่มต้นด้วยความไม่สุจริตใจ แค่เหตุผลการเลิกลาแยกทาง คุณยังอ้างไม่ตรงกัน เพราะคนที่ถูกบอกเลิก (ก้าวไกล) บอกว่าไม่เกี่ยวกับการแก้ ม.112 เลย อีกทั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เรียกร้องให้นายเศรษฐา ชี้แจงเรื่องนี้ด้วยที่ปราศรัยหาเสียงปลุกแก้ ม.112 แต่วันนี้มาบอกไม่แก้ แล้ว ที่พูดมานั้นจะว่าอย่างไร ต้องขอโทษประชาชนก่อน อย่ามาทำเนียน" นายจตุพร ระบุ

นอกจากนี้ ไม่เพียงเท่านั้น "นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" ประกาศนำการซื้อที่ดินของนายเศรษฐา มาเปิดโปง เพราะมีข้อมูลทำให้รัฐเสียหายภาษีถึง 500 ล้านบาท ดังนั้น คุณสมบัตินายกฯ นอกจากจะมีความซื่อสัตย์ สุจริต เป็นที่ประจักษ์ มีมาตรฐานทางจริยธรรมด้วย ซึ่งจริยธรรมนายกฯ นั้นแตกต่างและสูงส่งกว่าจริยธรรมของพ่อค้า นักธุรกิจ

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเหตุการณ์ตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว จะไม่ง่ายตามที่เพื่อไทยคิดและต้องการ รวมทั้งยิ่งจะมีแรงต่อต้านจากประชาชนเพิ่มมากขึ้น แล้วโลกความจริงจะสำแดงอิทธิฤทธิ์อย่างเข้มข้นในวันที่เพื่อไทยไม่เหลือประชาชนคอยสนับสนุนอยู่

"เราพยายามเรียกร้องความเป็นธรรม ชอบธรรม แต่เมื่อคนของเพื่อไทยไม่ชอบธรรม เป็นสองมาตรฐาน ประชาชนต้องกล้าไม่สนับสนุนการได้รัฐบาลแบบนี้ คือ การข้ามขั้ว แล้วสถานการณ์ไม่แน่นอนนี้ 10 ส.ค. ทักษิณ ชินวัตร ยังกล้ากลับเหรอ" 

ขณะเดียวกัน เชื่อว่าเพื่อไทยไม่กล้าหัก รทสช. กับ พปชร. ซึ่งเป็นพรรคขั้วอำนาจสองลุง เพราะไม่ต้องการเผชิญหน้ากับองค์กรอิสระ มาเป็นอุปสรรคอีกชั้นหนึ่ง ดังนั้น ที่สุดแล้วการตั้งรัฐบาลจะมีพรรคสองลุงมาร่วมด้วยอย่างแน่นอน เนื่องจากเพื่อไทยอยากได้ความคุ้มครอง และเสียงสนับสนุนจาก สว. ซึ่งสถานการณ์บีบบังคับเช่นนี้ ยิ่งทำให้แนวโน้มเกิดความยับเยินของเพื่อไทยและประเทศ

"ถัดจากนี้ ประชาชนจะไปเพื่อไทยหนาแน่นขึ้น กล้องวงจรปิดและแผงเหล็กจราจรนำมากั้นย่อมยากจะสกัดหริอรับมือได้ เพราะการรับมือที่ดีที่สุด คือ ต้องไม่ตระบัดสัตย์ ต้องซื่อตรงต่อประชาชน อย่างน้อยนับจากนี้คงไม่เหมือนเดิมอีก เมื่อความชิงชังของประชาชนจะทวีเดือดระอุ และมาเร็วมาก" นายจตุพร กล่าว

อย่างไรก็ดี สิ่งสำคัญเพื่อไทยเชิดชูคำขวัญ "เพื่อไทยหัวใจคือประชาชน" แต่กลับสร้างเครื่องกีดขวาง นำแผงเหล็กมาสกัดประชาชน ที่ไปแสดงความเห็นที่พรรค ซึ่งการรับมือแบบนี้น่ารังเกียจ เป็นการคิดผิด และยิ่งจะทำให้พรรคเปลี่ยนสู่ความเลวร้ายได้

"แล้วสถานการณ์แบบนี้วันที่ 10 ส.ค. ทักษิณ ยังจะกล้ากลับไทยเหรอ" นายจตุพร ย้ำ

ประเทศไทยต้องมาก่อน