
19 กรกฎาคม 2566 ที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อเวลา 18.00 น. กลุ่มมวลชนที่สนับสนุน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย และกองเชียร์ของพรรคก้าวไกล รวมตัวกันจัดกิจกรรมที่ ลานข่วงประตูท่าแพ เพื่อที่จะแสดงออกทางการเมือง หวังที่จะส่งเสียงไปยัง สภา , สว. , สส. ในฟังและเคารพเสียง ของประชาชนส่วนใหญ่ ในการเลือกตั้งในครั้งที่ผ่านมา รวมถึงต้องการจะแสดงถึงความอัดอั้นที่อยู่ในใจ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
หลังจากในวันนี้ (19 ก.ค.) ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำสั่งให้ นายพิธา สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล หยุดปฏิบัติหน้าที่ และยังทราบอีกว่า ผลในที่ประชุมสภา ไม่สามารถส่งชื่อ นายพิธา โหวตเลือกนายกฯ อีกได้ ทำให้ นายพิธา หมดโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย
โดยบรรยากาศบริเวณลานข่วงประตูท่าแพ มีด้อมส้มหลากหลายช่วงวัยจำนวน เกือบ 100 คน เข้ามาร่วมกิจกรรม ซึ่งทางผู้จัดกิจกรรม ได้มีการนำเอารถแห่ ที่มีการเขียนข้อความแสดงความไม่พอใจต่อ กกต. และ สว. รวมถึงข้อความที่ต้องการจะให้ทาง สว. เคารพเสียงของประชาชน พร้อมกับตั้งคำถามว่า สว. จำนวน 250 คน ถึงชนะเสียงของประชาชนกว่า 12 ล้านเสียง ผู้จัดกิจกรรมยังได้มีการนำ ริบบิ้นสีส้ม ออกแจกให้กับชาวเชียงใหม่ ที่ผ่านไปมา
ซึ่งชาวเชียงใหม่ที่ได้รับริบบิ้นไปแล้วบางคน มีการชูมือสามนิ้วตะโกนว่า “เรายังมีความหวัง เรายังจะสู้ต่อ” และทางผู้จัดกิจกรรม ยังได้มีการแสดงดนตรีสด และขึ้นปราศรัยเพื่อแสดงออกว่า ต้องให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
หนึ่งในผู้ร่วมกิจกรรมเปิดเล่าว่า การที่ไม่สามารถลงชื่อ นายพิธา โหวตนายกฯ ได้นั้น เป็นสิ่งที่เลวร้ายมาก ซึ่งตนมองว่า สว. เป็นสิ่งแปลกปลอมของระบอบประชาธิปไตย การที่ สว. 250 คน ชนะและอยู่เหนือ เสียงของประชาชนส่วนใหญ่ เป็นเรื่องที่ประหลาดมาก หรือพวกเขามีพลังอำนาจบางอย่าง หรือจริง ๆ แล้ว คนเหล่านี้กลัวการเปลี่ยนแปลงของประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม การเห็นต่างไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาในตอนนี้คือ ทำไมประชาชนออกไปเลือกตั้งแล้ว สุดท้ายต้องมาผ่านการตัดสินใจ ต้องมาผ่านการคัดเลือกของ สว. เพียง 250 คน สุดท้ายสิ่งที่ตนไม่อยากเห็นมากที่สุดคือ “การหักหลังกันของฝ่ายประชาธิปไตย”
แกนนำเสื้อแดงชี้ เพื่อไทยไม่น่าฆ่าตัวตายย้ายขั้วจับมือพลังประชารัฐ-ภูมิใจไทย
ด้าน นายหาญศักดิ์ เบญจศรีพิทักษ์ ผู้ประสานงานกลุ่มคนเสื้อแดง 17 จังหวัดภาคเหนือ เห็นความเห็นเกี่ยวกับกระแสข่าวที่ว่า พรรคเพื่อไทย จะย้ายขั้ว ไปจับมือกับ พรรคพลังประชารัฐ และ พรรคภูมิใจ นั้น ตนคิดว่า “เพื่อไทยไม่น่าจะฆ่าตัวตาย” คงไม่ย้ายขั้วถ้า พรรคก้าวไกลยังอยู่ แต่หากเกิดเหตุการณ์ที่ พรรคก้าวไกลถูกยุบพรรค เหมือนสมัยอนาคตใหม่ สส. หรือ พรรคต่าง ๆ ก็มีสิทธิ์ที่จะไปจัดตั้งกับพรรคอีกขั้วหนึ่ง เพื่อให้ประเทศมีรัฐบาลในการบริหารประเทศ
ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.เมืองเชียงใหม่ ก็ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งในและนอกเครื่องแบบ มารักษาความปลอดภัย และดูแลความเรียบร้อยในบริเวณนี้ไม่ต่ำกว่า 20 นาย