
18 กรกฎาคม 2566 ที่อาคารรัฐสภา คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ส.ว. ให้สัมภาษณ์ถึง การที่ 8 พรรคร่วมจะเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในการโหวตนายกรัฐมนตรีอีกครั้งว่า ตนยึดหลักการ คือปิดสวิตช์ตัวเอง เห็นด้วยในหลักการว่า ส.ว. ไม่ควรมีอำนาจในการโหวตนายกฯ และเป็นสิ่งที่ ส.ส. อยากให้เป็น ก่อนเลือกตั้งอยากให้ปิดสวิตช์ ส.ว. แต่พอหลังเลือกตั้งก้าวไกล ที่ไม่คิดว่าตัวเองจะได้ก็มาเปลี่ยนหลักการว่าให้โหวต ดังนั้น ถ้าเราจะยอมเปลี่ยนหลักการให้เป็นไปตามเสียงข้างมากที่เลือก แต่อย่างน้อยจะต้องเป็นไปตามหลักการที่ถูกต้อง
โดยการนำเรื่องแก้ไข ม.112 ออก เพราะไม่ใช่เรื่องปากท้องประชาชน ซึ่งถ้าเอาออกตนยินดี แต่ชัดเจนว่าพรรคก้าวไกลไม่เอาออก แต่กลับผลักดันให้มาเป็นนโยบายต้น ๆ และครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน จากการให้สัมภาษณ์ของเลขาธิการพรรค ไม่ยอมใส่ลงในรายละเอียด แต่แถไปข้าง ๆ ว่า ส.ว.มีเรื่องอื่น ยืนยันว่าข้อกังวลมีเรื่องเดียว เป็นเรื่องความมั่นคงที่ต้องการที่จะมุ่งทำลาย
จึงขอยึดหลักการเดิมโดยไม่ออกเสียงไม่ใช่ไม่กล้า แต่ตัดสินใจที่จะไม่ใช้สิทธิ์ตัวเอง ครั้งที่แล้วเค้าบอกให้ใช้เพื่อเขา เราก็เปิดโอกาสให้แล้ว แต่ก้าวไกล ไม่ได้ทำตามที่เราเสนอ การกระทำตลอดเวลาที่ผ่านมาหลังจากโหวต ตนเองได้รับผลกระทบ โดนด้อมส้มคุกคาม ทั้งตนเอง และลูกตนไม่ใช่คนเดียวที่โดน แล้วครั้งนี้จะบอกมาให้เลือก แบบนี้ไม่ใช่ประเทศไทยที่สงบสุข เพราะฉะนั้นคงไม่สามารถให้ความเห็นชอบได้
"ไม่เคยเจอการเมืองที่เล่นกันผ่านสื่อฯ ไม่พูดกันตรง ๆ ไม่คุยกับตนตรง ๆ ส่งคนอื่นมาคุย ยืนยันว่าไม่แก้ เพราะฉะนั้นจะมาอ้างเหตุผลโน้นนี่ ก็ว่าไม่ จะมาอ้างเหตุผลไม่ได้อยู่ที่การกระทำ โดยเฉพาะนายพิธา ได้ทำให้เห็นแล้วว่าสิ่งที่เขาต้องการคืออะไร ปัญหาปากท้องประชาชนไม่ใช่สิ่งเขาเลือกมาเป็นอันดับหนึ่ง และเหมือนไม่สนใจตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทั้งที่เราบอกไปแล้วว่าอยากให้เขาทำหน้าที่เหมือนกัน" คุณหญิงพรทิพย์ ระบุ
ทั้งนี้ หากมีการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ส่วนตัวยังคงยืนยันว่ากลับปิดสวิตช์ตัวเอง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นใครจะยืนยันในหลักการเดิม แต่ตนเองเห็นด้วยกับการที่พรรคก้าวไกลยื่นเสนอแก้ไขมาตรา 272