
5 กรกฎาคม 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีการรายงานเพื่อทราบ มีการรายงานความคืบหน้าถึงการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งมีการเสนอเพื่อรับทราบโดยกระทรวงมหาดไทย สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565 ทางกรุงเทพมหานครได้สรุปข้อมูลเพิ่มเติมตามความเห็นของกระทรวงคมนาคมเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี โดยมีการพูดถึงระยะเวลาได้ล่วงเลยมาพอสมควร เพราะฉะนั้นข้อมูลต่างๆที่เคยนำเสนอคณะรัฐมนตรีไม่เป็นข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน
ทางกรุงเทพฯโดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในขณะนั้น คือพลตำรวจเอกอัศวินขวัญเมือง ยืนยันว่าได้มีการดำเนินการที่ครบถ้วน และถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปตามเจตนารมณ์ของคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2562 แล้วในเรื่องการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว และต่อมานายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนปัจจุบัน มีแนวทางการดำเนินโครงการดังนี้ คือทางกรุงเทพมหานครเห็นพร้อมด้วยกับนโยบายการลดภาระค่าใช้จ่ายการเดินทางของประชาชน และทำให้การบริการสาธารณะเป็นไปด้วยความต่อเนื่อง ให้เป็นโครงข่ายเดียวกัน มีการขอรับสนับสนุนงบประมาณสำหรับโครงสร้างพื้นฐานและงานติดตั้งระบบการเดินรถที่เป็นในส่วนของไฟฟ้าและเครื่องกล เช่นเดียวกับรถไฟฟ้าสายอื่นที่รัฐบาลเป็นผู้ดำเนินการเพื่อให้ค่าโดยสารอยู่ในระดับที่ประชาชนสามารถรับภาระค่าใช้จ่ายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือส่วนต่อขยายจากหมอชิตสะพานใหม่คูคต และแบริ่งไปสมุทรปราการ
กทม.ยังเห็นให้ดำเนินการตามพรบร่วมทุนปี 2562 เพื่อให้การพิจารณาคัดเลือกเอกชนผู้ลงทุนมีความรอบคอบมีการพิจารณาอย่างรอบด้านและตรวจสอบได้เพื่อสะดวกต่อการรับบริการของภาครัฐที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้จากกรณีที่คณะกรรมการดำเนินการตามคำสั่งหัวหน้าคสช ว่าบริษัทจะเป็นผู้รับภาระส่วนต่างกันเดินรถที่ค้างจ่ายอยู่ทั้งหมด ที่ทางกรุงเทพมหานครดำเนินการอยู่ในส่วนนี้ทางกทมก็ได้หยุดชำระค่าจ้างเดินรถและค่าซ่อมบำรุงตั้งแต่พฤษภาคม 2562 นับถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลานานกว่า 4 ปีก่อกำเนิดเป็นภาระต่อเอกชน มีภาระดอกเบี้ยที่อาจเกิดขึ้นกับกทม.ในอนาคตจึงต้องหาข้อยุติในการดำเนินดังกล่าว ทำให้เกิดความชัดเจนและเกิดประโยชน์สูงสุดกับทุกฝ่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนเป็นผู้ใช้บริการ
กรุงเทพฯ เห็นควรให้มีการนำเสนอคณะรัฐมนตรีในวันนี้เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบให้รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณสำหรับการดำเนินโครงการช่วงหมอชิต- สะพานใหม่- คูคต และช่วงแบริ่ง - สมุทรปราการ รวมทั้งสนับสนุนงบประมาณในการก่อสร้าง และดอกเบี้ยในอนาคตทั้งหมดโดยปัจจุบันกรุงเทพฯมีภาระหนี้จากงานโครงสร้างพื้นฐานการซื้อขายพร้อมติดตั้งระบบการเดินรถ ทั้งสิ้น 78,830 ล้านบาท เศษ ซึ่งเป็นข้อมูล ณ วันที่ 13 มีนาคม 2566
ขณะที่ในกระทรวงมหาดไทยมีความเห็นว่าปัจจุบันมีพ.ร.ฎ.ยุบสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ 2566 ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว เพราะฉะนั้นการขอรับการสนับสนุนงบประมาณสำหรับการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว จึงไม่สามารถเสนอครม. ให้พิจารณาได้เพราะจะมีผลเป็นการสร้างความผูกพันต่อคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป และเป็นไปตามแนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากยุคสภาผู้แทนราษฎร
ส่วนงานราชการที่เกี่ยวข้องมีความเห็นเพิ่มเติมให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้กรุงเทพมหานครโดยกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาให้เกิดความชัดเจนในประเด็นต่างๆ ประกอบด้วย ความชัดเจนของการดำเนินโครงการโดยให้กรุงเทพมหานครหารือร่วมกับกระทรวงคมนาคมในระบบตั๋วร่วม การกำหนดอัตราค่าโดยสารเชื่อมโยงโครงข่าย การเดินทาง และรายละเอียดอื่นๆตามข้อตกลงความร่วมมือในส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งความพร้อมของกรุงเทพมหานครในการรับมอบโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2561 รวมไปถึงข้อชัดเจนทางด้านกฎหมายโดยให้ทางกรุงเทพฯ ประสานงานกับสำนักงบประมาณในรายละเอียดรวมทั้งสถานะและแนวทางในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทและภาระหนี้การเปลี่ยนแปลงและการปฏิบัติตามคำสั่งของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นการดำเนินการตามพ.ร.บ.การร่วมลงทุน ปี 2562
ขณะที่สำนักงบประมาณ เห็นว่ากระทรวงมหาดไทยโดยกรุงเทพมหานครคนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำข้อมูลการประมาณการวงเงินภาระหนี้สินที่คาดว่าจะเกิดขึ้นทั้งหมด จนจบสัญญาสัมปทานในปี 2572 เปรียบเทียบการประมาณการรวมถึงรายได้สถานะทางการเงินของกรุงเทพมหานครจัดทำข้อเสนอแผนการชำระหนี้ดังกล่าวเป็นรายปีเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาของครมในโอกาสแรกต่อไป