
ก่อนอื่นมาย้อนดูไทม์ไลน์ในฝันของ "ก้าวไกล" ที่จะจบปัญหาประธานสภาอย่างสวยหรู
29 มิ.ย. - พรรคเพื่อไทยไปคุยกันเองภายใน เพื่อจบปัญหา หลังก้าวไกลเสนอพร้อมยอมทุกเงื่อนไข ขอเก้าอี้ประธานสภาไว้เท่านั้น
30 มิ.ย. - สองพรรคแกนนำหารือและได้ข้อสรุปร่วมกัน
1 ก.ค. - สองแคนดิเดตพรรคแกนนำ "ทิม - อิ๊งค์" ขึ้นรถแห่พบปะประชาชน พร้อมแฟนคลับของทั้งสองพรรคที่ขอนแก่น
2 ก.ค. - แกนนำ 2 พรรค "ก้าวไกล+เพื่อไทย" หารือให้ได้ข้อสรุป พร้อมแถลงมติ จากนั้นหัวหน้า 8 พรรคจัดตั้งรัฐบาล ประชุมและแถลงจุดยืนยันร่วมกัน เดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ และไม่ขัดแย้งกันเรื่องประธานสภา
4 ก.ค. - ประชุมสภา โหวตเลือกประธาน
หลัง 4 ก.ค. - เดินหน้าโหวตนายกฯ 8 พรรคเกาะกลุ่ม จับมือไม่ทิ้งกัน
ทว่า เมื่อมาดูในส่วนไทม์ไลน์ของจริงจากฝั่งเพื่อไทย ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงกับไทม์ไลน์ในฝัน
29 มิ.ย. - มีคุยกันระหว่างแกนนำพรรคจริง แต่ไม่มีคุยกับก้าวไกล
30 มิ.ย. - เท
1 ก.ค. - เท
2 ก.ค. - เท
3 ก.ค. - เพื่อไทยประชุมกรรมการบริหารพรรค สรุปเรื่องตำแหน่งประธานสภา
4 ก.ค. - โหวตเลือกประธานสภา
ดังนั้น การนัดโหวต แปลว่ามีการเสนอเกิน 1 ชื่อ เพราะถ้าเสนอชื่อเดียว ผู้ได้รับการเสนอชื่อจะได้เป็นประธานสภาไปในทันที ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ที่น่าสนใจคือข่าวลือช่วงค่ำของวันที่ 29 มิ.ย. ที่ว่าเพื่อไทยยอมถอย เปิดทางให้ก้าวไกลได้เก้าอี้ประธานสภา ส่วนเพื่อไทยขอ 2 เก้าอี้รองประธาน และหากก้าวไกลเสนอแคนดิเดตนายกฯ คือ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ให้รัฐสภาโหวต แต่ถ้าไม่ผ่าน ต้องสนับสนุนแคนดิเดตของเพื่อไทย ไม่ทิ้งกันไปไหน แนวๆ "จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน"
ข่าวนี้ดูน่าเชื่อถือไม่น้อย ถึงขนาดที่ตอนเช้าสื่อสิ่งพิมพ์ระดับ "บิ๊กเนม" หลายฉบับ นำไปพาดหัวตัวไม้ เพราะจะว่าไปก็สอดรับกับข่าวที่ออกมาก่อนหน้านั้นในวันเดียวกัน ที่มีการถอดเทปสัมภาษณ์ "หมอชลน่าน ศรีแก้ว" ในประเด็น "คลุมถุงชน" ซึ่งถอดใจความมาได้ว่า
-ทำนองว่าจำใจต้องอยู่กับก้าวไกล แม้อยากจะออกก็ไปไม่ได้ เพราะ 25 ล้านเสียงเป็นไฟต์บังคับ เหมือนพ่อแม่คลุมถุงชน
-จริงๆ สิ่งที่ คุณหมอชลน่าน พูด ก็เป็นที่รู้กันในแวดวงการเมือง อย่างที่ “ข่าวข้นฯ” เล่าให้ฟังมาแล้วหลายครั้ง ว่า ในความคิดของเพื่อไทย เขาคืออันดับ 1 ไม่ใช่ก้าวไกล แต่ตัวเลขที่ออกมาผิดคาด เพราะเขาประมาทเอง
-สองพรรครู้ดีมาตลอดว่า คุณพิธาไปไม่ถึงดวงดาว (แกนนำพรรคก้าวไกลก็ยอมรับเอง) ฉะนั้นจึงดูสมเหตุสมผลกับข่าวที่ออกมาว่า เพื่อไทยยอมถอยจากเก้าอี้ประธานสภา เพราะสุดท้ายยังไงก็ได้เก้าอี้นายกฯ และขอให้ก้าวไกลสนับสนุนแคนดิเดตจากเพื่อไทยด้วย จะได้ไม่ต้องไปลำบาก “จูบปากพรรคลุง” ให้ด้อมส้ม ด้อมแดง และแฟนคลับก่นด่า
แต่แล้วทุกอย่างก็พลิกอีกครั้ง กลายเป็นว่าทั้งหมดนั้น "ข่าวปล่อย"
น่าสนใจตรงที่ วันที่ 18 มิ.ย. ก็มีข่าวลักษณะนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว กล่าวคือ ศึกประธานสภาจบสวย เพื่อไทยหลีกทางให้ก้าวไกล ขอแค่รองประธาน 2 ตำแหน่ง
ความต่างคือครั้งนั้น มีแกนนำพรรคเพื่อไทยออกมาพูด โดยเฉพาะ "ทีมเจรจา" อย่าง "ภูมิธรรม เวชยชัย" และ "ประเสริฐ จันทรรวงทอง"
เมื่อสื่อตีข่าว จึงต้องมาแก้ข่าวกันสีข้างถลอก เพราะมีข่าวว่า มีโทรศัพท์ทางไกลมาเฉ่งยับ พร้อมประกาศิตว่า "ไม่ยอม!"
ส่วนข่าวคล้ายๆ กัน คือ ศึกประธานสภาจบสวย (อีกครั้ง) เพื่อไทยหลีกทางให้ก้าวไกล พร้อมขอรองประธาน 2 ตำแหน่ง พ่วงด้วยการสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯของเพื่อไทย หลังจากก้าวไกลไปไม่ถึงฝั่ง
สื่อส่วนใหญ่ที่รายงาน ไม่ได้บอกชัดว่าข่าวมาจากไหน ทราบกันแต่เพียงว่ามาจาก "แกนนำพรรคเพื่อไทย"
กระทั่งมีการออกมาปฏิเสธข่าว และย้ำว่าเป็น "ข่าวปล่อย" ที่ไม่รู้แหล่งที่มา หลายคนเชื่อว่าเป็นข่าวจากแกนนำเพื่อไทยจริง
แต่ข่าวล่ามาด่วนสุดของ "เนชั่นทีวี" ได้รับการยืนยันว่าพอข่าวออกไป ก็มีโทรศัพท์ทางไกลโทรหาแกนนำพรรค ถามว่าต้นตอข่าวมาจากไหน ปรากฏแกนนำหลายคนตอบตรงกันว่า "เป็นข่าวปล่อยจากคู่เจรจา เพื่อดิสเครดิต" และ "เรียกทัวร์มาลง"
สุดท้าย "เสียงปลายสาย" ก็ประกาศิตว่า ต้องได้เก้าอี้ประธานสภา ชื่อว่า "สุชาติ ตันเจริญ"
นี่คือที่มาของการนัดประชุมกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ในช่วงเช้าวันที่ 3 ก.ค. ก่อนรัฐพิธี โดยไม่มีการหารือ 2 พรรค ในวันที่ 2 ก.ค. หรือถึงหารือ ก็ตกลงอะไรไม่ได้ เพราะกรรมการบริหารพรรคดันไปนัดประชุมวันที่ 3 ก.ค. พอดิบพอดี
นี่คือหมากกลของเพื่อไทย และเมื่อได้มติวันที่ 3 ก.ค. ก็จะเดินไปสู่การโหวตประธานสภาในวันที่ 4 ก.ค. ทันที ความหมายก็คือ "ฟรีโหวต" และผู้กำชัย ได้เก้าอี้ประธานสภา คือ เพื่อไทย ส่วนอะไรจะเกิดหลังจากนั้น ค่อยว่ากันอีกที
แต่ที่แน่ๆ เพื่อไทยคุมเกมโหวตนายกฯ ผ่านประธานสภาที่เป็นคนของตนเอง!