นพ.ชลน่าน หวั่นถูกมองยุแยงจนตั้ง รบ. ไม่สำเร็จ

24 พฤษภาคม 2566 พรรคเพื่อไทยจัดสัมมนาว่าที่ ส.ส. และผู้สมัคร ส.ส. ที่ห้องประชุมชั้น 7 ที่ทำการพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีการติดแผ่นป้ายว่า “ประสานกำลังใจเดินหน้าต่อไปเพื่อประชาชน” โดยมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี - แกนนำพรรค - ว่าที่ ส.ส. - อดีตผู้สมัคร ส.ส. และสมาชิกเข้าร่วม

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวในเวทีสัมมนาว่า การพบปะกันในวันนี้มีวัตถุประสงค์ 2 ประการ อย่างแรกเป็นการให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ซึ่งแต่ละคนได้ไปต่อสู้ในพื้นที่แต่ละเขตของตนเอง รวมถึงผู้สมัครบัญชีรายชื่อที่ได้ ร่วมแรงร่วมใจกัน ต่อสู้ เพื่อให้ได้มาซึ่งสภาฯของประชาชน

ผลการเลือกตั้งก็เป็นอย่างที่ทราบ ต้องขอบคุณทุกคน หลายคนประสบความสำเร็จ ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน แต่หลายคนอาจมีความผิดหวัง และรู้สึกว่าทุ่มเทเต็มที่แล้ว แต่ตนอยากให้กำลังใจและบอกว่าความสำเร็จที่แท้จริง คือการที่ได้ตั้งใจทำพื้นที่ คนงานในพื้นที่ที่เกิดขึ้นกับประชาชน คือความสำเร็จที่คงไว้ซึ่งความภาคภูมิใจ

ทั้งนี้หลายคนชนะเลือกตั้งเพียงหลัก 100 หรือ 200 คะแนน บางคนก็แพ้แบบหวุดหวิด หลายคนบอกว่าทุ่มเทแบบถึงที่สุดแล้ว หลายคนอาจมีน้ำตาไหลออกมาว่าทุ่มเทขนาดนี้แล้ว เหตุใดผลไม่เป็นอย่างที่หวัง จึงเป็นเรื่องที่จะมาพูดคุยกันว่า จากนี้ไปจะดำเนินการอย่างไร ส่วนวัตถุประสงค์ที่สอง ทุกคนจะได้พบกับ 2 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้หลังจากกล่าววัตถุประสงค์เสร็จ 2 ข้อ นพ.ชลน่าน ได้ยกมือขึ้นชูสัญลักษณ์ 2 นิ้วว่าขอยืนยันเป็นครั้งที่ 504 ว่าจะต่อสู้ต่อไป

จากนั้นได้เข้าสู่ส่วนแรกของการสัมมนา คือการวิเคราะห์สถานการณ์โดย นพ.ชลน่าน กล่าวอีกครั้งว่า วันนี้เป็นการพบปะไปให้กำลังใจและให้แนวทางเพื่อดูว่าพวกเราจะต้องทำอย่างไรและจะเป็นรัฐบาลอย่างไร ซึ่งว่าที่ ส.ส.และอดีตผู้สมัคร ส.ส.ได้ปรบมือ ก่อนที่ นพ.ชลน่าน จะกล่าวต่อ

“ผมอยากจะบอกทุกคนว่า ตอนนี้เราเตรียมตัวไปเป็นรัฐบาล ภายใต้เงื่อนไขว่า เราต้องจับมือกับพรรคที่ได้เสียงอันดับ 1 คือ พรรคก้าวไกล ซึ่งเราได้แถลงไปแล้วว่า สนับสนุนหัวหน้าพรรคก้าวไกลขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ตามกลไกของรัฐธรรมนูญที่ได้กำหนดไว้ เราเป็นพรรคที่มีส่วนร่วมอย่างจริงใจ บนพื้นฐานที่จะสงวนท่าทีไม่ให้รู้สึกว่า เราเป็นผู้กำหนดเกณฑ์ เพราะการยุแยง การจะไปทำให้การจัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ เป็นสิ่งที่จะต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก

เพราะผลเลือกตั้งออกมาแล้วว่าประชาชนมากกว่า 70% เลือกฝั่งประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นเลือกก้าวไกล เลือกเรา หรือพรรคอื่นๆ แต่เป็นความชัดเจนแล้วว่า เลือกประชาธิปไตยไม่เอาเผด็จการ จึงเป็นข้อบ่งชี้ และต้องระมัดระวัง ในการร่วมรัฐบาลนี้อย่างสูงยิ่ง จะเรียกสินสอดทองหมั้นหรือจะพูดแสดงความเห็นมากก็ไม่ได้ ต้องระมัดระวังอย่างมากจริงๆ”

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่พรรคได้เชิญสื่อมวลชนออกจากห้องสัมมนา โดยเนื้อหาการประชุมต่อเป็นเรื่องแนวทางการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยทั้ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร และนายเศรษฐา ทวีสิน ได้เดินเข้าไปในห้องประชุม และหลังจากการสัมมนาจะลงมาแถลงอย่างเป็นทางการ