9 พฤษภาคม 2566 ประเด็นที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์คำถามตั้งข้อสังเกตทำนองว่า "นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ห้วหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกฯของพรรค เป็น"ผู้จัดการมรดก"ของบิดาที่เสียชีวิตมานานนับสิบปี ในจำนวนนี้มีหุ้นสื่อรวมอยู่ด้วย
โดยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1732 กำหนดให้ "ผู้จัดการมรดก" ต้องจัดการตามหน้าที่และทำรายงานแสดงบัญชีการจัดการและแบ่งมรดกให้เสร็จสิ้นภายใน 1 ปี เว้นแต่ผู้ทำพินัยกรรม หรือทายาทเสียงข้างมาก หรือศาลจะได้กำหนดเวลาให้ไว้เป็นอย่างอื่น
ทำให้เกิดคำถามว่า การถือครองหุ้นไอทีวีของนายพิธา ซึ่งเป็นนักการเมือง เป็นอดีต ส.ส. และกำลังเป็นแคนดิเดตนายกฯนั้น ถูกต้องตามกฎหมาย หรือเข้าข่ายลักษณะต้องห้ามการเป็น ส.ส.และการสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.หรือไม่
รัฐธรรมนูญ มาตรา 98 ระบุว่า บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร...
(3) เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ
***เรื่องนี้สำคัญ เพราะหาก"นายพิธา"ถือหุ้นมาก่อนหน้านี้ ช่วงที่ยังเป็น ส.ส.อยู่ ก็น่าจะถูกร้องให้หมดสมาชิกภาพได้ และจะกลายเป็นปัญหาต่อการลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ด้วยหรือไม่
"เนชั่นทีวี" สอบถามเรื่องนี้ไปยังแหล่งข่าวผู้พิพากษา ได้ข้อมูลว่า ถ้าทายาทคนอื่นเห็นว่า ผู้จัดการมรดกแบ่งมรดกล่าช้า ก็สามารถยื่นคำร้องต่อศาลให้ศาลไต่สวนเพื่อขอเปลี่ยนผู้จัดการมรดกได้ และถ้าหากผู้จัดการมรดกทำการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินมรดกเป็นของตนเองโดยไม่ชอบ ก็จะมีความผิดในคดีอาญาอีกด้วย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง>>>
แต่ถ้าไม่มีทายาทคนใดยื่นคำร้องต่อศาลว่าผู้จัดการมรดกจัดการมรดกล่าช้า บุคคลนั้นก็อาจเป็นผู้จัดการมรดกได้เป็นสิบๆ ปี อย่างเช่นในกรณีนายพิธา ก็อาจเป็นได้ เนื่องจากพี่น้องทายาททุกคนทราบอยู่แล้วว่าทรัพย์สินใด เป็นของใคร เพียงแต่ยังไม่มีการโอนเปลี่ยนชื่อเท่านั้นเอง
ส่วนกรณีที่ปรากฏชื่อ"นายพิธา" ปรากฎอยู่ในเอกสาร บมจ.006 คือบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทมหาชนจำกัด ที่ต้องนำส่งกรมธุรกิจการค้าและตลาดหลักทรัพย์ โดยไม่มีคำว่า "ผู้จัดการมรดก" ในวงเล็บตามหลัง หมายถึงนายพิธา เป็นผู้ถือหุ้นเองหรือไม่นั้น
แหล่งข่าวผู้พิพากษา บอกว่า ตามกฎหมายถ้าถือหุ้นในฐานะผู้จัดการมรดก ผู้นั้นมีสิทธิแค่ไปโหวตเลือกกรรมการบริหารเท่านั้น แต่ไม่ถือว่าเป็นเจ้าของหุ้น เพราะไม่ใช้ทรัพย์สินของตนเอง แต่ถ้าไม่มีสลักคำว่า "ในฐานะผู้จัดการมรดก" ตามหลังชื่อผู้ถือหุ้น ก็อาจทำให้เชื่อได้ว่า "หุ้นในบริษัทนั้นๆ" เป็นของผู้ที่มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นเอง ถ้าไม่ใช่เป็นการพิมพ์เอกสารตกหล่น
ดังนั้นถ้าหากหุ้นบริษัทสื่อตามเอกสารนั้นเป็นของ"นายพิธา" ก็อาจจะซ้ำรอยเดิมกับกรณีของนายธนาธร ก็เป็นได้ (นายธนาธรเคยถูกสั่งให้พ้นสภาพการเป็น ส.ส. เพราะถือหุ้นสื่อเช่นกัน คือ หุ้น บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด / เมื่อ 20 พ.ย.62)