
24 เมษายน 2566 นายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหารและหัวหน้าทีมผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ตลาดนัด แฟลต12 เขตคลองเตย เขตวัฒนา ช่วยนายภูวกร ปรางภรพิทักษ์ ผู้สมัครส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 8 ซึ่งได้รับเสียงตอบรับเยอะในเรื่องของค่าครองชีพ ทั้งเรื่องของการลดราคาน้ำมัน ลดราคาก๊าซหุงต้ม และลดค่าไฟบ้าน รวมถึงการเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุ
นายสกลธี กล่าวถึงการแข่งขันค่อนข้างสูงในพื้นที่เขตคลองเตยว่า มั่นใจในระดับหนึ่ง ซึ่งนายภูวกร แม้เป็นผู้สมัครหน้าใหม่ แต่ในพื้นที่ไม่ได้ใหม่ เป็นคนที่โตมาในพื้นที่และทำกิจกรรมในพื้นที่มาตลอด ซึ่งเขตนี้เคยเป็นเขตพื้นที่เก่าของพรรคพลังประชารัฐ ยังมีแฟนคลับของพรรคอยู่ แต่ไม่ประมาท ซึ่งจะมีกรรมการบริหารพรรคหลาย ๆ คนลงมาช่วยหาเสียง
ส่วนการแข่งขันในพื้นที่ที่มีเจ้าของพื้นที่เดิมอยู่นั้น ตนคงไม่ได้ไปแข่งด้วย แต่พยายามให้นายภูวกร ลงพื้นที่เยอะ ๆ เพราะต้องยอมรับว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ใช้ระยะเวลาที่สั้นมาก เพราะฉะนั้นทุกวันมีความหมาย จึงบอกกับผู้สมัครทุกคนว่าให้ลงพื้นที่ให้หนัก อย่างน้อยต้องเอาตัวเราลงไปให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งได้เห็น และคิดว่าชุดนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ตอบโจทย์ในภาวะข้าวยากหมากแพงนี้ได้
ขณะที่ นายภูวกร กล่าวว่า ตนเป็นคนในพื้นที่ เชื่อว่าทุกอย่างอยู่ที่พี่น้องประชาชน โดยคะแนนของตนทุกคะแนนเป็นคะแนนที่บริสุทธิ์ แม้จะหน้าใหม่แต่ไม่ใหม่เรื่องประสบการณ์ ตลอด 4 ปีที่ผ่านมาลงพื้นที่ช่วยเหลือคนมามากมาย ซึ่งส่วนตัวไม่มีพื้นฐานทางการเมือง ไม่ใช่คนนามสกุลดังในทางการเมือง เป็นลูกชาวบ้านที่พร้อมตั้งใจช่วยเขตของเราให้พัฒนามากขึ้น อาจจะไม่ใช่นักการเมืองแต่จะเป็นนักพัฒนา
พร้อมกันนี้ นายสกลธี ยังกล่าวถึงกรณีที่มีชื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อยู่ในรายชื่อ 130 คน ที่ถือหุ้นสื่อว่า พล.อ.ประวิตร ไม่มีความกังวล พร้อมบอกตลอดว่าทุกอย่างให้เป็นไปตามกฎหมาย หากตรวจแล้วผิดก็ขอให้เป็นไปตามกระบวนการ แต่ทั้งนี้คิดว่าทางพรรคได้มีการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครมาระดับหนึ่งแล้ว
เมื่อถามว่า สำหรับพรรคพลังประชารัฐ ยังไม่มีกระแสมากเท่าที่ควร รวมถึงจะมีข่าวโจมตีอยู่บ่อยครั้ง นายสกลธี กล่าวว่า การเลือกตั้งทุกครั้ง จะมีกระแสทั้งบวกและลบ ตนอยากให้ประชาชนเสพข่าวอย่างมีสติ เพราะบางครั้งสิ่งที่ได้เห็นหรือได้ยินอาจจะไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้ อย่างเช่นเรื่องผลสำรวจ หรือ โพลที่ต้องยอมรับว่าเป็นการชี้นำสูง ซึ่งบางโพลอาจจะค้านสายตา ฉะนั้นหากเห็นอะไรแล้วก็อย่าเชื่อทันทีอยากให้มีการค้นคว้าบ้าง
ดังนั้นการที่จะทำให้กระแสกลับมากลยุทธ์ของพรรคพลังประชารัฐ จะเน้นในเรื่องของเศรษฐกิจ นโยบายหลายอย่างที่คิดขึ้นมาก็จะเป็นนโยบายที่มุ่งช่วยในเรื่องของปากท้องภาพรวมเป็นสำคัญ โดยไม่กระทบกับวินัยการเงินการคลังของประเทศ เพราะฉะนั้นนโยบายอะไรหลาย ๆ อย่างที่ทำมาอาจจะใช้เงินเยอะ แต่เป็นการทยอยจ่าย และช่วยในกลุ่มเป้าหมายที่ได้วางเอาไว้ ไม่ใช่เป็นการหว่านให้กับทุกคน หากทุกคนมีเวลาดูชุดนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ก็จะเห็นว่านโยบายขายได้และตอบโจทย์ที่สุด