svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"สมชัย" แนะ กกต.หาผู้เชี่ยวชาญเศรษฐศาสตร์เป็นที่ปรึกษา ดูนโยบายแจกเงิน

11 เมษายน 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"สมชัย" แนะ กกต.หาผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์เป็นที่ปรึกษา พิจารณานโยบายประชานิยม หลังเรียกเพื่อไทยแจงที่มาแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ซัด เลขาฯไม่ควรออกมาพูดก่อน เพราะเป็นหน้าที่ คณะกรรมการฯ

11 เมษายน 2566 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบาย พรรคเสรีรวมไทย ในฐานะอดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวถึงกรณี กกต.ให้พรรคเพื่อไทย ชี้แจงที่มาของเงิน ที่จะใช้ในนโยบายเติมเงินดิจิทัลคนละ 10,000 บาท ว่าในภาพรวมนโยบายพรรคการเมืองหลายพรรค ไม่ใช่เฉพาะพรรคเพื่อไทยล้วนใช้งบประมาณแผ่นดินจำนวนมาก หากเปรียบเทียบดูในเชิงตัวเลข ตนมองว่า หลายพรรคใช้งบประมาณมากกว่าพรรคเพื่อไทยหลายเท่า

เช่น นโยบายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุของพรรคพลังประชารัฐ ที่ระบุว่าจะให้คนอายุ 60 ปีขึ้นไป คนละ 3,000 บาท , 70 ปีขึ้นไป 4,000 บาท ,80 ปีขึ้นไป 5,000 บาท หากจ่าย 4 ปี งบประมาณจะอยู่ที่  2 ล้านล้านบาท มากกว่าของพรรคเพื่อไทยถึง 4 เท่า ซึ่งตอนนี้ทุกพรรคการเมืองหาเสียงด้วยนโยบายประชานิยม ใช้ตัวเลขเกทับกัน ยิ่งเลขาฯกกต.ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ถ้าไม่ได้ใช้เงินส่วนตัว ก็สามารถทำได้ ก็ยิ่งทำให้เกิดการเลียนแบบกัน

ในทางกฎหมายต้องพิจารณา 2 เรื่องคือ เป็นความผิดสัญญาว่าจะให้ตามมาตรา 73(1) ของ พ.ร.บ.ส.ส. หรือไม่ ซึ่งหน้าที่ในการตีความควรเป็นของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ไม่ใช่หน้าที่เลขาฯกกต. และเลขาฯไม่ควรออกมาพูดก่อนล่วงหน้าว่าจะผิดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของกกต.

อีกเรื่องคือ มาตรา 57 ของพ.ร.ป.พรรคการเมืองที่ระบุว่า พรรคการเมืองต้องระบุแหล่งที่มาในการใช้งบประมาณ แต่มาตราดังกล่าวไม่ค่อยมีผลในการบังคับใช้ และกกต.เองก็มีข้อจำกัดในการวิเคราะห์ เพราะอาจไม่มีผู้เชี่ยวชาญทางเศรษศาสตร์มหภาค ที่จะบอกว่าตัวเลขต่างๆจะก่อให้เกิดผลกระทบอย่างไร ส่วนบทลงโทษในมาตรานี้ก็ค่อนข้างน้อยคือ การตักเตือน และการปรับแค่วันละ 10,000 บาท จนกว่าจะมีการแก้ไขให้ถูกต้อง ซึ่งขณะนี้มีการส่งข้อมูลเพียงไม่กี่พรรคเท่านั้น

นายสมชัย กล่าวฝากถึงพรรคการเมืองว่า การทำนโยบาย ควรคำนึงถึงขีดความสามารถทางงบประมาณรายจ่ายของประเทศ เช่น ปี 2567 มี 3.3 ล้านล้านบาท เป็นงบลงทุน 20.5 % ที่เหลือเป็นรายจ่ายประจำ หากจะเอางบประมาณแผ่นดินมาใช้ในนโยบายประชานิยม ต้องพิจารณาว่าจะเอามาจากส่วนไหน หากจะตัดงบลงทุนก็ต้องเติมกลับเข้าไป เพราะพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังกำหนดไว้ชัดว่า งบลงทุนต้องไม่น้อยกว่า 20% หากจะกู้ก็ต้องมีเหตุและผลที่เหมาะสม

เพราะจะส่งผลต่อหนี้สาธารณะของประเทศ ดังนั้นทุกพรรคการเมืองต้องคิดให้ดี ถึงการออกนโยบายประชานิยม แม้จะบอกว่าทำเพื่อให้ประชาชนที่มาเลือก แต่ในทางปฏิบัติไม่สามารถทำได้ หากทำได้ก็จะกระทบต่อสังคม ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมและปัญหาวินัยการเงินการคลังของประเทศ

สำหรับกรณีพรรคเพื่อไทย ยื่นเอกสารบางส่วนให้กกต.แล้วนั้น เป็นหน้าที่ กกต.นำไปวิเคราะห์ว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ ซึ่งตนไม่เชื่อว่า กกต.จะเข้าใจ เพราะแม้แต่ในกรรมาธิการงบประมาณก็ใช้เวลานานกว่าจะเข้าใจตรงกัน จึงจำเป็นต้องให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินการคลังภาครัฐมาเป็นที่ปรึกษา ซึ่งกกต.สามารถหาคนช่วยได้ อาจสอบถามกลับไปยังกระทรวงการคลัง หรือสำนักงบประมาณ เพื่อขอคำตอบว่าสามารถทำได้หรือไม่

logoline