svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

เลือกตั้ง 66:"ก้าวไกล"จุดยืนและเงื่อนไขตั้ง"รัฐบาล" บนเป้าหมาย 150 ที่นั่ง

10 เมษายน 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เลือกตั้ง 66 "ชัยธวัช ตุลาธน" เลขาพรรคก้าวไกล เปิดยุทธศาสตร์การเปลี่ยนผ่านอนาคตใหม่ สู่ "ก้าวไกล" บนความพยายามต้องไปให้ถึง 150 ที่นั่ง กับจุดยืนและเงื่อนไขการร่วม"รัฐบาล"

"ถ้าเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แล้วมีพรรคพลังประชารัฐเข้ามาร่วม พรรคก้าวไกลพร้อมเป็นฝ่ายค้าน แล้วถ้าพรรคภูมิใจไทยมาร่วมรัฐบาล พรรคก้าวไกลถือเป็นตัวเลือกที่ไม่อยากเลือก ถือเป็นพรรคที่เป็นทางเลือกสุดท้าย..."

ชัยธวัช ตุลาธน  เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวต่อ"ทีมข่าวผ่าสมรภูมิเลือกตั้ง 66" ถึงเงื่อนไขร่วมรัฐบาลหลังเลือกตั้ง 

การเลือกตั้งเมื่อปี 2562  ได้เกิดปรากฎการณ์ฮือฮาทางการเมือง เมื่อกลุ่มคนรุ่นใหม่ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ"  ปิยบุตร แสงกนกกุล  "คุณช่อ" พรรณิการ์ วานิช และผองเพื่อน ได้ร่วมกันตั้ง"พรรคอนาคตใหม่" สามารถกวาดเก้าอี้ส.ส.เข้าสู่สภาได้ 81 ที่นั่งในขณะนั้น แต่ทว่าเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง เมื่อศาลรธน.วินิจฉัย"ยุบพรรคอนาคตใหม่"  กรรมการบริหารพรรคจึงถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี 

กลุ่มที่หลุดเล็ดรอดจากบ่วงกรรมยุบพรรค เห็นเป็น "ชัยธวัช ตุลาธน" กลุ่มเพื่อนธนาธร สมัยนิสิตนักศึกษา และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ จึงต้องมารับบทเป็น "เลขาธิการพรรคก้าวไกล"ในปัจจุบัน  

ขอบคุณภาพ จากกรุงเทพธุรกิจ

เส้นทางการเมืองของ ต๋อม "ชัยธวัช  มีความน่าสนใจ เพราะเขายังคงยึดมั่นอุดมการณ์ที่ต้องการเปลี่ยนโฉมหน้าการเมืองไทยให้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง แม้ในแวดวงการเมืองจะมองการขับเคลื่อนของกลุ่มคนเหล่านี้ มีลักษณะสุดโต่งเกินไปก็ตาม 

"ชัยธวัช"  กล่าวต่อทีมข่าว"ผ่าสมรภูมิเลือกตั้ง 66"  ถึงยุทธศาสตร์เลือกตั้ง 66 เปรียบเทียบกับเลือกตั้งปี 62 ในอดีตที่ผ่านมาว่า ความพร้อม"พรรคก้าวไกล"ดีขึ้นเยอะ เมื่อเทียบกับที่เคยเป็น"พรรคอนาคตใหม่" อีกทั้งการทำงานของส.ส.ในสภา ได้พิสูจน์การทำงานในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา เสียงประชาชนได้ตอบรับดีขึ้นมาก ทำให้มั่นใจว่า เลือกตั้งครั้งนี้จะได้รับเลือกตั้งไม่น้อยกว่าที่เป็นพรรคอนาคตใหม่อย่างแน่นอน

เลือกตั้ง 66:\"ก้าวไกล\"จุดยืนและเงื่อนไขตั้ง\"รัฐบาล\" บนเป้าหมาย 150 ที่นั่ง

 

สิ่งที่เปลี่ยนไปจะมี ส.ส. ระบบแบบแบ่งเขตเลือกตั้งเป็นส่วนใหญ่ ด้วยระบบเลือกตั้งปี 62 ที่แม้ประชาชนจะมั่นใจ แต่ระบบเลือกตั้งทำให้พรรคอนาคตใหม่ขณะนั้น ชนะระบบเลือกตั้งแบบเขตน้อยเพียง 30 เขต  เนื่องจากระบบบัตรเลือกตั้ง 1 ใบ ทำให้ส่วนใหญ่กลายเป็น ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ

"รอบนี้ ส.ส. ก้าวไกลส่วนใหญ่เป็น ส.ส. ระบบแบ่งเขต ซึ่งพรรคที่จะมาเป็นรัฐบาลทำหน้าที่บริหารประเทศน่าจะเป็นพรรคที่มี ส.ส. ส่วนใหญ่มาจากระบบแบ่งเขตแล้วครอบคลุมทุกภูมิภาค"

"คราวนี้ระบบเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบ ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการวัดความนิยมอดีตอนาคตใหม่หรือก้าวไกล ในวันนี้ที่ปฎิเสธไม่ได้ มองว่า เป็นโอกาสพรรคก้าวไกลในแต่ละเขตที่ทำงานหนักมาตลอด 4 ปี ที่การเลือกตั้งปี 62 ไม่มีแล้วช่วงนั้นพรรคอนาคตใหม่ก็เป็นพรรคหน้าใหม่ที่คนจำนวนมากรอการพิสูจน์ช่วง 4 ปีที่ผ่านมาได้ทำงานตรงไป ตรงมา พร้อมที่จะพุ่งชนต้นต่อของปัญหา ทำในสิ่งที่นักการเมืองหรือพรรคการเมืองในอดีตไม่เคยคิดจะทำและไม่ตอบโจทย์ประชาชน สังคมไทยที่ต้องการวิธีคิดแบบใหม่ ” นายชัยธวัช กล่าว

เลือกตั้ง 66:\"ก้าวไกล\"จุดยืนและเงื่อนไขตั้ง\"รัฐบาล\" บนเป้าหมาย 150 ที่นั่ง

"แม่บ้านพรรคก้าวไกล"  วิเคราะห์โอกาสความเป็นได้รายภาค ว่า พรรคก้าวไกล มีความมั่นใจมากในส่วนของภาคเหนือ และภาคอีสาน เป็นผลจากการเลือกตั้งระบบแบ่งเขตจะได้จำนวน ส.ส. เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากพรรคก้าวไกลสัมผัสได้จากการสำรวจในการทำงานของผู้สมัครในแต่ละพื้นที่จากเสียงตอบรับของประชาชน โดยเฉพาะภาคเหนือตอนบนและเหนือตอนล่าง ที่ความจริงแล้วแข่งขันกันอยู่ 2 พรรค แล้วพรรคก้าวไกลมีพื้นที่ผู้สมัครที่หวังจะต่อสู้โอกาสจะชนะมากๆอยู่ประมาณ 30 เขต โดยขึ้นอยู่กับการทำงานตั้งแต่วันที่สมัครจนเข้าสู่วันเลือกตั้งทำงานได้มากน้อยแค่ไหน

 

ขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ อีสานประเมินไว้ว่า บรรยากาศทางภาคอีสานไม่ต่างจากภาคเหนือที่ได้รับความนิยมมากกว่าสมัยพรรคอนาคตใหม่เยอะด้วยผลงานการทำงานของคณะก้าวหน้าด้านท้องถิ่นคืบหน้ามีไปทำงานบริหารเทศบาล บริหาร อบต. ที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ประชาชนเห็นได้ชัดเจนดังนั้นเป้าหมายจำนวน ส.ส.ภาคอีสานคือ 1 ใน 3 ของเก้าอี้ ส.ส. ภาคอีสาน ประมาณ 40 – 50 เขต  ( 133 ที่นั่ง ) โดยเฉพาะพื้นที่อีสานใต้ มั่นใจว่า สื่อต้องเซอร์ไพรส์อย่างแน่นอน

"พรรคก้าวไกล เชื่อว่า ทุกภาค ประชาชนไม่มีเจ้าของ ก่อนที่จะครองโดยพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งก็เคยถูกครองด้วยพรรคการเมืองอื่นมาก่อนทั้งนั้น ซึ่งขึ้นอยู่กับการพัฒนาการของทางสังคมเงื่อนไขทางการเมืองแต่ละช่วงที่เปลี่ยนไป ดังนั้นการตัดสินใจทางการเมืองย่อมเปลี่ยนไปเป็นธรรมดา เพราะประชาชนพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง ซึ่งพรรคการเมืองต้องทำให้ประชาชนเห็นใครเป็นคำตอบดีที่สุดที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ได้จริง"

ชัยธวัช ตุลาธน  เลขาธิการพรรคก้าวไกล

"ชัยธวัช" ยังได้กล่าวถึงการเมืองแบบบ้านใหญ่ หรืออีกนัยหนึ่งต้องต่อสู้กับเจ้าของพื้นที่เดิมที่มีความเหนียวแน่นในการกุมฐานคะแนนเสียง

"ผมคิดว่า ถึงเวลาพรรคก้าวไกลอดีตพรรคอนาคตใหม่ แน่นอนปฎิเสธไม่ได้ว่า การเมืองแบบบ้านใหญ่ การเมืองแบบใช้อำนาจรัฐ ยังมีนัยยะสำคัญในการเลือกตั้งแบบไทยๆอยู่  แต่ขณะนี้ความสำคัญน้อยลงไปเยอะ ขณะที่พรรคก้าวไกล เน้นการเปลี่ยนแปลงที่สนองตอบความต้องการประชาชน" 

เมื่อให้วิเคราะห์ พื้นที่"ภาคใต้"กับก้าวไกล เป็นอย่างไร  "ชัยธวัช" บอกว่า  พื้นที่ภาคใต้เปลี่ยนไปมาก เปรียบเทียบกับการเลือกตั้งปี 62 ที่กลายเป็นที่เปิดทางการเมืองพื้นที่แห่งโอกาส โดยเฉพาะกับพรรคก้าวไกล ต้องบอกหมดยุคเอาเสาไฟฟ้าลงก็ได้ ผลเลือกตั้งจะได้รู้ พรรคก้าวไกลมีเป้าหมายต่ำสุด 3 ที่นั่ง แต่พรรคก้าวไกลเชื่อว่า เป้าหมายจริงอยู่ที่ 10 เขตเลือกตั้ง 

ขยับขึ้นมา"ภาคกลาง"  ต้องยอมรับเป็นพื้นที่บุกเบิกยังต้องทำงานหนัก เพราะมีสภาพแวดล้อมทางการเมืองมีลักษณะเฉพาะมาก รวมพื้นที่ภาคตะวันออก ฉะเชิงเทรา ชลบุรี จันทบุรี ตราด ยังชนะได้หลายเขตมีส.ส.ได้  เป้าหมายเราอยู่ที่ 15 เขตเลือกตั้ง หรือมั่นใจว่า 4 จังหวัดภาคตะวันออกยังมี ส.ส.ก้าวไกลอย่างแน่นอน สำหรับพื้นที่ปริมณฑล ได้เพิ่มขึ้นกว่าปี 62 เช่นกัน ขณะที่ กทม.ในปี 62 ได้ ส.ส. 9 คน การเลือกตั้งปี 66 พรรคก้าวไกลมั่นใจได้สูงขึ้นเกินครึ่ง  ( 33 เขต )  

"พรรคก้าวไกล" เป้าหมายรวมทั้งประเทศ 150 เขต นับจากวันนี้จนไปสู่การเลือกตั้งขึ้นอยู่กับผู้สมัคร ส.ส.จะร่วมกันทำงานตอบโจทย์ไปได้มากน้อยแค่ไหน เพราะจะมีผลต่อการตัดสินใจของประชาชนในการเลือกตั้ง และในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนการเลือกตั้งอะไรก็เกิดขึ้นได้ชนิดหน้ามือเป็นหลังมือเป็นไปได้ตลอด

หลังการประเมินความน่าจะเป็นของพรรคก้าวไกลในศึกเลือกตั้ง66 ทีมงานผ่าสมรภูมิเลือกตั้ง จึงได้สอบถาม การร่วมจัดตั้งรัฐบาลในแบบฉบับ"พรรคก้าวไกล" เป็นอย่างไร   

"เลขาธิการพรรคก้าวไกล" กล่าวว่า  ก้าวไกลประกาศจุดยืนชัดเจน ต้องยึดมั่นหลักการที่เป็นผลประโยชน์ของประเทศ มากกว่าการที่จะได้เก้าอี้รัฐมนตรีหรือเก้าอี้นายกรัฐมนตรี

ถ้ามีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล เราพร้อมทำงานกับทุกพรรคทุกฝ่าย ต้องมีเอ็มโอยูชัดเจนในการร่วมรัฐบาล ซึ่งเรามีหลักไม่ร่วมรัฐบาลที่มาจากทหาร หรือพรรคทหาร เพราะถ้ามีทหารอยู่อยากมีประชาธิปไตยก็เป็นไปไม่ได้

เลือกตั้ง 66:\"ก้าวไกล\"จุดยืนและเงื่อนไขตั้ง\"รัฐบาล\" บนเป้าหมาย 150 ที่นั่ง

ถ้าเพื่อไทยเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาลแล้วมีพรรคพลังประชารัฐเข้ามาร่วม พรรคก้าวไกลพร้อมที่จะเป็นฝ่ายค้าน แล้วถ้า"พรรคภูมิใจไทย"มาร่วมรัฐบาล พรรคก้าวไกลถือเป็นตัวเลือกที่ไม่อยากเลือก ถือเป็นพรรคที่เป็นทางเลือกสุดท้าย

เพราะจากการทำงานตรวจสอบ เราเชื่อว่า ทำให้ประชาชนเสียประโยชน์เป็นหมื่นล้านแสนล้าน แล้ว"พรรคก้าวไกล"จะร่วมเฉพาะรัฐบาลที่มาจากพลเรือนเท่านั้น เชื่อว่า การจัดตั้งรัฐบาลไม่มีทางที่รัฐบาลจะเป็นเสียงข้างน้อย ดังนั้นในความเป็นจริงไม่มีใครบริหารประเทศด้วยเสียงข้างน้อย  

อย่างไรก็ตาม แน่นอนพรรคฝ่ายค้าน ถ้าได้กว่า 250 เสียงหรือ 300 กว่าเสียง เชื่อว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านมีโอกาสมากที่จะมีเสียงแตะ 300 ถึงบอกว่า ไม่จำเป็นต้องเอา"ภูมิใจไทย" น่าจะเป็นขั้วจัดตั้งรัฐบาลที่ดีที่สุด แล้วไม่มีทางที่เสียง ส.ว. 250 เสียงจะมีอิทธิฤทธ์กล้าฝืนมติของประชาชนในการเลือกตั้งปี 66 ดีลพรรคการเมืองในการจัดตั้งรัฐบาลอยู่ที่เงื่อนไขดีลอื่นๆที่พอใจลงตัวกันก็จบ ไม่เกี่ยวกับ ส.ว.เลย แล้วถ้า ส.ว.ฝืนมติมหาชนจะกลายเป็นต้นตอวิกฤตการเมืองทันที

เลือกตั้ง 66:\"ก้าวไกล\"จุดยืนและเงื่อนไขตั้ง\"รัฐบาล\" บนเป้าหมาย 150 ที่นั่ง

ทั้งหมดนี้คือ ความพร้อมและจุดยืนของ"พรรคก้าวไกล" ซึ่งการเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 จะเป็นคำตอบให้กับ"พลพรรคก้าวไกล"จะไปถึงเป้าหมายได้หรือไม่  

 

logoline