svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"เศรษฐา"ฟุ้งนโยบายหาเสียง"เลือกตั้ง66" เติมเงิน 10,000 บาท โดนใจหลายพรรค

09 เมษายน 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"เศรษฐา" ยันนโยบาย เติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท ไม่มีรีดภาษีประชาชนเพิ่มและไม่กู้เพิ่ม อยู่ในกรอบงบประมาณ ปี 67 อ้างเดินหน้านโยบายเพื่อต่อสู้ความยากจน

9 เมษายน 2566 "นายเศรษฐา ทวีสิน" แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายเติมเงิน 10,000 บาทในกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ยังถูกถล่มไม่จบทั้งจากพรรคประชาธิปัตย์และพรรคก้าวไกล ว่านโยบายแจกเงินสุดท้ายประชาชนจะถูกรีดภาษีว่า ขอบคุณที่ช่วยขยายความนโยบายให้พรรคเพื่อไทย ซึ่งถือว่าเป็นนโยบายที่โดนใจ เพราะไม่เช่นนั้นพรรคการเมืองอื่นคงไม่พูดถึง

\"เศรษฐา\"ฟุ้งนโยบายหาเสียง\"เลือกตั้ง66\" เติมเงิน 10,000 บาท โดนใจหลายพรรค

"นายเศรษฐา" กล่าวย้ำว่า "พรรคเพื่อไทย"ต่อสู้กับความยากจนและความลำบากของประชาชน ไม่อยากมาหยอดน้ำข้าวต้มทีละ 500-1,000 บาท การจ่ายทีเดียว 10,000 บาท จะช่วยประชาชนพ้นจากความยากจนได้ และยืนยันว่าเพื่อไทยไม่เคยบอกว่าจะขึ้นภาษีหรือรีดภาษีประชาชน มีการบริหารจัดการที่ชัดเจน และได้มีการชี้แจงต่อ กกต.ไปแล้ว แต่หาก กกต.ยังมีข้อสงสัยเพิ่มก็พร้อมจะชี้แจงอีก ซึ่งจะทำให้ ประชาชนไม่มีข้อกังขาอะไร 

ส่วนที่มีการระบุว่าจะเป็นการเพิ่มภาระหนี้สินให้กับประเทศ นายเศรษ ฐา ระบุว่า ต้องดูสัดส่วนของหนี้ต่อจีดีพีเป็นหลัก ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะพยายามคงไว้ในระดับปัจจุบัน แต่อย่าลืมว่าหนี้ของประเทศโตขึ้นก็จะทำให้จีดีพีโตขึ้นด้วย

\"เศรษฐา\"ฟุ้งนโยบายหาเสียง\"เลือกตั้ง66\" เติมเงิน 10,000 บาท โดนใจหลายพรรค

ส่วนจำนวนเงินที่พรรคเพื่อไทยวางไว้สำหรับนโยบายนี้ ไม่ได้เป็นการเพิ่มหนี้สิน ซึ่งเรื่องนี้จะทำให้เงินเข้าสู่ระบบอีก 5 แสนล้านบาท เงินส่วนนี้จะก่อให้เกิดภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายเดิม ยืนยันไม่มีการขึ้นภาษี และจะทำให้ประชาชน ร้านค้า และภาคอุตสาหกรรมมีการซื้อขายและผลิตสินค้ามากขึ้น ซึ่งจะทำให้อัตราภาษีนิติบุคคลเพิ่มมากขึ้น เราคงภาษีเท่าเดิม แต่จัดเก็บภาษีได้เพิ่มมากขึ้น

"นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว" หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวเสริมว่างบประมาณปี 2567 ได้มีการกำหนดไว้แล้วที่ 3.5 ล้านล้านบาท ซึ่งพรรคเพื่อไทยยังคงใช้งบประมาณในกรอบนี้ ไม่มีการกู้เพิ่ม จึงไม่เป็นการเพิ่มภาระหนี้ตามที่มีการกล่าวหา และยืนยันว่าไม่ได้เป็นการรีดภาษีและขยับอัตราภาษี แต่เป็นการขยับฐานภาษี เพื่อให้จัดเก็บภาษีเข้ารัฐได้มากขึ้น พร้อมถามกลับว่าลักษณะแบบนี้เรียกว่ารีดถาษี แล้วการปล่อยปละละเลย บิดเบือน บิดเบี้ยวให้คนกลุ่มหนึ่งไม่เสียภาษีแบบนี้เรียกว่าอะไร 

เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย

"นายเศรษฐา" ยังกล่าวถึงการปราศรัยเมื่อวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมาในจังหวัดน่าน เกี่ยวกับการทุจริตของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่พรรครวมไทยสร้างชาติออกมาโต้กลับพาดพิงว่า ผู้นำที่ทุจริตไม่ใช่พลเอกประยุทธ์แต่เป็นอดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ ชินวัตร และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่า ได้กล่าวถึงโพลที่ทำโดยองค์กรอิสระจากต่างประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นมาตรฐานที่เราวัด แต่ก็ไม่ได้อยากพูดเรื่องนี้มาก ซึ่งมีตัวเลขที่ชัดเจนอยู่แล้ว ที่ปัญหาทุจริตคอรัปชั่นสูงขึ้นทุกคนก็ทราบดี โดยย้ำขอให้ดูที่ตัวเลขการสำรวจ และย้ำว่า นำเสนอในข้อเท็จจริง แต่ไม่ได้เป็นผู้สำรวจ หากพรรครวมไทยสร้างชาติจะไปเถียง ก็ขอให้ไปเถียงกับองค์กรนั้นดีกว่า

“อย่าเอามาวัด เขาว่าฉันเธอว่าฉันดีกว่า โดยใช้คำว่ายอมรับและนำไปปรับปรุงกันเพราะหน้าที่เรา เรามีหน้าที่ปรับปรุงแก้ไขส่วนที่ไม่ดี อันนี้ขอฝากไว้”

ขณะที่นายแพทย์ชลน่าน กล่าวเสริมว่า อันดับการทุจริตของไทยร่วงลงมาอันดับที่ 110 ซึ่งเป็น องค์กรสากลในการสำรวจ CPI คะแนนลดต่ำลงมามาก ได้ 35 จาก 100 เต็ม

 

logoline