svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"เพื่อไทย" แจงยิบ กระเป๋าเงินดิจิทัลหมื่นบาท ขออย่าเรียก ประชานิยมสุดโต่ง

07 เมษายน 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"เพื่อไทย" แจงยิบ "กระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท" ขออย่าเรียกประชานิยมสุดโต่ง เชื่อทำเศรษฐกิจโตได้ปีละไม่ต่ำกว่า 5%

7 เมษายน 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยและ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะทำงานนโยบาย และประธานกรรมการด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และกรรมการเลขานุการ และโฆษกคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรค และกรรมการด้านเศรษฐกิจ ร่วมกันแถลงรายละเอียด นโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท

\"เพื่อไทย\" แจงยิบ กระเป๋าเงินดิจิทัลหมื่นบาท ขออย่าเรียก ประชานิยมสุดโต่ง

นายเศรษฐา กล่าวว่า สาเหตุที่ให้เป็นดิจิทัลวอลเล็ต ไม่ใช้เงินสด เพราะสามารถจำกัดการใช้ได้ด้วยเทคโนโลยี ที่จะสามารถแจ้งข้อมูลได้ว่า นำไปใช้จ่ายอะไรบ้าง นอกจากนี้ยังมีการพิจารณาว่า จะสามารถนำเงินจำนวนนี้ ไปใช้เพื่อชำระหนี้สถาบันการเงินได้ ส่วนที่ให้ในระยะเวลา 6 เดือนเพราะต้องการให้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งกำหนดรัศมีในการใช้ 4 กิโลเมตร ตามที่อยู่ในบัตรประชาชน

ส่วนกรณีในระยะ 4 กิโลเมตรไม่มีร้านค้า ก็อาจจะขยายเป็นระยะ 7.5 กิโลเมตร สำหรับกรณีที่อยู่ปัจจุบันไม่ตรงกับที่อยู่ตามบัตรประชาชน ไม่สามารถใช้ได้ เพราะนโยบายนี้ต้องการให้ใช้เงินที่บ้าน เพื่อขยายความเจริญไปในระดับภูมิภาค  หาก 6 เดือนไม่ได้กลับไปเยี่ยมบ้านเงินจำนวนนี้ก็จะหายไป

ด้านนพ.พรหมมินทร์ กล่าวว่า ทุกนโยบายของเพื่อไทยมีการทดสอบ ทดลองว่าสามารถทำได้จริง จึงประกาศเป็นนโยบาย ทั้งด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว เพื่อไทยไม่อยากหยอดน้ำข้าวต้มเพื่อยืดความตาย แต่มองว่าต้องปั๊มหัวใจ นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตจะกระตุ้นให้ตรงเป้า ซึ่งจะเห็นได้ชัดในภาคเกษตร เพราะเงินส่วนนี้จะเป็นต้นทุน สร้างการเกิดรายได้เพิ่ม นโยบายนี้เป็นมาตรการระยะสั้น แต่ระหว่าง 6 เดือน ที่มีการใช้เงินนี้จะมีมาตรการอื่นออกมาเพิ่ม เป็นการปลุกเร้าให้คนมีแรงสู้

นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า การสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล ซึ่งโตเร็วกว่าเศรษฐกิจพื้นฐาน ต้องเริ่มจากการสร้างโครงสร้าง วันนี้เพื่อไทยประกาศนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน รองรับเศรษฐกิจดิจิทัล สนับสนุนโดยเทคโนโลยีบล็อกเชน ระบบการเงินยุคใหม่ จากนี้คนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไปจะมี 2 บัญชี คือ

บัญชีออมทรัพย์ปกติผูกกับธนาคาร และบัญชีดิจิทัล ผูกกับบัตรประชาชนโดยอัตโนมัติ จึงเป็นที่มาในการใส่เงินก้นถุง 10,000 บาทให้ประชาชน เป็นการสร้างแรงจูงใจให้คนมาใช้ระบบใหม่ ซึ่งมีความแตกต่างจากแอปพลิเคชันเป๋าตังค์ที่เป็นเงินในโลกยุคเก่า ขณะที่บล็อกเชน เป็นเงินในโลกยุคใหม่ที่สามารถเขียนเงื่อนไขลงบนเงินได้ ทำให้ไทยเป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจดิจิทัล

\"เพื่อไทย\" แจงยิบ กระเป๋าเงินดิจิทัลหมื่นบาท ขออย่าเรียก ประชานิยมสุดโต่ง

ขณะที่นายจักรพงษ์ ยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยไม่ยกเลิกบัตรคนจน แต่จะเปิดโอกาสให้เลือกระหว่างใช้บัตรกับกระเป๋าเงินดิจิทัล เชื่อว่าหากเริ่มใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลเมื่อไร ประชาชนจะไม่อยากใช้บัตรคนจนอีก ซึ่งจะช่วยลดงบประมาณส่วนนี้ไป ประมาณ 50,000 ล้านบาท และเมื่อพรรคเพื่อไทยมีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล จากสามารถรีดงบส่วนเกินจาก พ.ร.บ.งบประมาณฯ ได้อีกหลายแสนล้านบาท

กรณีนักวิชาการมองว่า เป็นนโยบายประชานิยมสุดขั้ว อาจกระทบหนี้สาธารณะของประเทศ นายเศรษฐา ชี้แจงว่า ระหว่างการใช้นโยบายนี้ เพื่อไทย มีนโยนบายอื่นเพิ่มรายได้ให้ประชาชนควบคู่ไปด้วย ทั้งการพักหนี้, ค่าแรง 600 บาท, เงินเดือน 25,000 บาท ซึ่งจะช่วยทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น และรัฐบาลสามารถจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้มากขึ้น ย้ำว่าเป็นความจำเป็นและความต้องการของประชาชน ไม่อยากให้ใช้คำว่า “ประชานิยมสุดโต่ง” และมั่นใจว่าหากได้เป็นรัฐบาลในระยะเวลา 4 ปีจะทำให้เศรษฐกิจโตได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 5%

ส่วนจะต้องลดงบประมาณของหน่วยงานใดบ้าง นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นการลดงบประมาณโดยดูตามความเหมาะสม ไม่ใช่แค่กองทัพ แต่ต้องดูส่วนอื่นด้วย

ทั้งนี้เรื่องการใช้กระเป๋าเงินดิจิทัล สามารถใช้ในสาธารณูปโภคพื้นฐานได้ สามารถใช้กับร้านสะดวกซื้อได้ และใช้ได้ทุกคนไม่มีการกำหนดรายได้ขั้นต่ำ คาดว่าใช้งบประมาณ 5 แสนล้านบาท และเป็นการให้ แค่เป็นครั้งเดียว ซึ่งหากเพื่อไทยได้รับการเลือกตั้ง คาดว่าเดือนมกราคมปี 2567 ก็สามารถริเริ่มโครงการได้

นพ.พรหมมินทร์

หลายฝ่ายมองว่า อาจเข้าข่ายการสัญญาว่าจะให้ นพ.พรหมมินทร์ ชี้แจงว่า มั่นใจไม่น่ามีปัญหาเพราะเป็นการให้คนไทยทุกคน ไม่ได้เจาะจงเฉพาะกลุ่ม

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีบางพรรคการเมืองออกมาระบุว่า พรรคเพื่อไทย เคยพูดว่าบัตรคนจน เป็นการตอกย้ำความจน แต่เมื่อเพื่อไทยออกนโยบายนี้ จึงถูกวิจารณ์กลับว่า มองประชาชนเป็นยาจกนั้น นายเศรษฐา หัวเราะก่อนชี้แจงว่า ยืนยันว่าไม่เคยมองคนเป็นยาจก แต่มีเป้าหมายช่วยคนให้พ้นหลุมดำของความยากจน กระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท จะเป็นจุดสตาร์ทให้ประชาชนลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง ถือการเป็นช่วยเหลือไม่ได้มองว่าเป็นยาจก

ขณะที่ นพ.พรหมมินทร์ กล่าวเสริมว่า คนที่พูดแบบนี้อาจจะไม่เข้าใจ หรือมองจากมิติของตัวเอง ประเทศถอยหลังไปมาก เปรียบเหมือนคนกำลังจมน้ำ เงินดิจิทัลเปรียบเหมือนห่วงชูชีพช่วยคนขึ้นมาพักหายใจ ให้ประชาชนยืนบนลำแข้งตัวเองอย่างมีศักดิ์ศรี  ซึ่งงบทั้งหมดในกรอบที่เสนอไป ทั้งฝ่ายเศรษฐกิจและกฎหมายดูแลอย่างใกล้ชิด ว่าเป็นไปตามกรอบงบประมาณ คือการบริหารสิ่งที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่าเดิม พร้อมเปรียบว่า เหมือนประเทศไทยมีรถเฟอร์รารี แต่ให้คนขับเกวียนมาขับ ต่อไปนี้นักแข่งรถมาเอง

ด้านนายเผ่าภูมิ กล่าวปิดท้ายว่า เราคือทุนนิยม แต่เป็นทุนนิยมที่มีหัวใจ ใช้หลักการรดน้ำที่ราก เห็นความสำคัญเศรษฐกิจทุกระดับ พร้อมยืนยันพรรคเพื่อไทยมีความรับผิดชอบสูงสุดต่อวินัยการเงินการคลังของประเทศ

logoline