16 มีนาคม 2566 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า ในวันที่ 18-19 มีนาคม 2566 นี้ พรรคเพื่อไทยจะลงพื้นที่และเปิดปราศรัย ที่จังหวัดชลบุรีและระยอง นำทีมโดยนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย แกนนำพรรค รวมทั้งนายสนธยา คุณปลื้ม ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรัยเลือกตั้ง ส.ส.ชลบุรี พรรคเพื่อไทย แกนนำคนสำคัญในพื้นที่ภาคตะวันออก จะร่วมขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ที่จังหวัดชลบุรีด้วย
โดยวันที่ 18 มี.ค.66 ช่วงเช้าจะลงพื้นที่พูดคุยกับผู้ประกอบการ นักธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม ในเวลา 14.00 น. จากนั้นจะเดินทางไปเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดชลบุรี อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี ในเวลา 17.00 น.
ส่วนวันที่ 19 มี.ค. จะลงพื้นที่พบปะผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ซึ่งชลบุรีและภาคตะวันออก มีทั้งทะเลประมง และทะเลท่องเที่ยว ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่รู้จักกันทั่วโลก เมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลาย การท่องเที่ยวจะเป็นความหวังสำคัญ นำรายได้เข้าสู่ประเทศมหาศาล
ส่วนช่วงบ่าย 13.00 น. จะพบปะพ่อค้าแม่ค้าชาวประมง ณ วิสาหกิจชุมชนเรือเล็กเก้ายอด ต่อด้วยเวลา 15.00 น. พบนักธุรกิจพื้นที่จังหวัดระยอง เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะบอกกล่าวนโยบาย จากนั้นเวลา 17.30 น. จะเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ ณ ลานหมู่บ้านเพลินใจ 5 ข้างขนส่งใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ไฮไลต์สำคัญของการลงพื้นที่ชลบุรี ระยอง จะเป็นเวทีปราศรัยใหญ่หลังการเปิดตัวผู้ประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ครบ 400 คน 400 เขต และประกาศนโยบายสำคัญที่จะใช้ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ถ้าได้รับความไว้วางใจ แลนด์สไลด์จัดตั้งรัฐบาลจากพี่น้องประชาชน จะใช้นโยบายนี้ในการแก้ปัญหาประเทศ ยกระดับเศรษฐกิจ คืนอนาคตที่ดีกว่าให้กับประชาชน
ทั้งนี้ เชื่อว่าสื่อมวลชนจับตาบรรยากาศการแข่งขันในสนามเลือกตั้งในภาคตะวันออก โดยเฉพาะชลบุรี ที่มีจำนวน เก้าอี้ ส.ส.มากที่สุดในภาคตะวันออก ซึ่งพรรคเพื่อไทย มีผู้ประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ที่นำโดยนายสนธยา คุณปลื้ม ขณะที่คู่แข่งคนสำคัญน่าจะมาจากพรรครวมไทยสร้างชาติ คือพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะมีการเปิดเวทีในวันที่ 18 มีนาคมนี้ จึงมีนัยสำคัญที่พี่น้องให้ความสนใจติดตาม โดยพรรคเพื่อไทยจะนำนโยบายไปประกาศให้พี่น้องภาคตะวันออกได้รับทราบ
นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า พรรครวมไทยสร้างชาติน่าจะเชื่อมั่นว่า ฐานที่ชลบุรีแข็งแกร่งระดับหนึ่ง แต่ทีมพรรคเพื่อไทยที่ลงสนามครั้งนี้มีความผูกพันกับคนในพื้นที่ชลบุรีมาอย่างยาวนาน เป็นบุคคลระดับอดีตรัฐมนตรี ส.ส.หลายคน ผลการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ฐานคะแนนฝ่ายประชาธิปไตยมีโอกาสปักธงได้ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ประกอบกับความล้มเหลวในการบริหารงานของรัฐบาล
ซึ่งกระทบกับสภาพชีวิตและความเป็นอยู่ การทำมาหากินของคนในพื้นที่ภาคตะวันออกโดยตรง ธุรกิจท่องเที่ยวบาดเจ็บสาหัสตั้งแต่ช่วงโควิด และการฟื้นฟูหลังโควิดผ่านพ้นไปก็ล่าช้า ขาดประสิทธิภาพและยุทธศาสตร์ ชาวประมงต่างเจ็บปวดกับการจัดการปัญหาประมงที่คำนึงถึงแต่กฎหมายโดยไม่สนใจผลกระทบกับผู้ประกอบการประมง
ทั้งประมงขนาดใหญ่และประมงพื้นบ้าน ทุกคนต่างสิ้นหวังกับรัฐบาลนี้ รวมถึงโครงการ EEC ที่เกี่ยวกับชาวภาคตะวันออกโดยตรง ก็ไม่มีผลสำเร็จที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม ดังนั้นพรรคเพื่อไทยเชื่อมั่นว่าคณะกรรมการบริหารพรรค ได้พิจารณาผู้ประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.อย่างถี่ถ้วน เชื่อว่าไม่มีใครบอกว่าพรรคเพื่อไทยเป็นรอง พร้อมนำนโยบายไปถึงพี่น้องประชาชน ด้วยศักยภาพของพรรค จะสามารถคว้าที่นั่ง ส.ส.ได้แบบแลนด์สไลด์ทั้งชลบุรีและจังหวัดอื่นๆ
“หลายท่านพูดตรงกันว่า พื้นที่ภาคตะวันออกเป็นหมุดหมายสำคัญที่พรรคเพื่อไทยจะปักธงบรรจุเป้าหมาย 310 ที่นั่ง และจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยได้ ซึ่งการขึ้นเวทีปราศรัยที่นำโดยหัวหน้าพรรคเพื่อไทย หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็นสัปดาห์ที่ 2 แล้ว และได้รับความสนใจเป็นอย่างดี นางสาวแพทองธารที่อายุครรภ์ใกล้ครบ 8 เดือนแล้ว ยืนยันเดินหน้าพบปะพี่น้องประชาชน ส่วนนายเศรษฐาก็เดินหน้าลงพื้นที่เต็มสูบ ท่ามกลางบรรยากาศที่ นายแพทย์ชลน่าน ชูธงแลนด์สไลด์ 310 ที่นั่ง ไม่จับมือกับพรรคการเมืองเครือข่ายรัฐบาลปัจจุบัน” นายณัฐวุฒิ กล่าว