"ไตรรงค์" เผาประชาธิปัตย์ หลัง "จุรินทร์" พาดพิงพรรคตกปลาในบ่อเพื่อน

2 มีนาคม 2566 นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงกรณี นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวพาดพิงพรรคารเมืองที่ตกปลาในบ่อเพื่อน โดยได้ย้อนถามสื่อว่า มีการระบุชื่อพรรคที่ทำชั่วแบบนั้นหรือไม่ พร้อมระบุ พรรคการเมืองก็ควรมีวิธีป้องกันไม่ให้คนย้ายออก

“เท่าที่ฟังมี 2 อย่างคือ พรรคที่พยายามไปตกสมาชิกพรรคอื่น โดยจะให้เงินให้ทอง เรียกว่าตกปลาในบ่อเพื่อน และก็มีพรรคที่กลัวสมาชิกจะออก ก็เอาเงินยัดให้เช่นกัน อันนี้เรียกว่าตกปลาในบ่อตัวเอง”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

• “ชุมพล” ยันไม่เคยพูดซื้อตัว 200 ล้าน ลั่นอยู่ รทสช. ไม่ได้รับเงิน

 

เมื่อถามว่า กรณีของนายไตรรงค์เป็นอย่างไร เพราะถูกมองว่าดึงคนประชาธิปัตย์มาร่วมงานกับรวมไทยสร้างชาติ นายไตรรงค์ กล่าวติดตลกว่า “คนประชาธิปปัตย์ที่มาเหมือนผมเนี่ย ใครตกผมได้ ถือคันเบ็ดมาผมก็เตะก้านคอเขาแล้ว ยังไม่ทันได้ตกเลย และการที่เขาออกก็ไปถามเขาดูว่าทำไม ก็ไม่สามารถรักษาอุดมการณ์เดิมได้แล้ว ผมสังเกตมาตลอด บางคนที่อยู่ก็ไม่รักษาไว้ เมื่อก่อนนี้ประชาธิปัตย์เลือกตั้ง เลือกกรรมการบริหารพรรค ไม่เคยซื้อเสียง ระยะหลังนี้ซื้อ ส.ส. คนละแสน สองแสน ได้ข่าวบางคนถูกยัดไปถึงล้าน คนอย่างผมอยู่ได้ไง พรรคตกต่ำขนาดนี้ นี่พูดตรงๆ พวกคุณไม่น่ามาสัมภาษณ์ผม ผมได้ศัตรูอีกแล้วเนี่ย รู้อยู่แล้วว่าผมปากหมา”

นายไตรรงค์ ย้ำอีกว่า ไม่ได้ตกใครมา เขามาเอง อย่าง นายชุมพล กาญจนะ ก็มีเงินเป็นพันล้าน ใครจะตกได้ อย่างตนรอให้คนมาตก แต่ไม่มีใครตก ไม่ต้องให้ตน 200 ล้านบาท แค่ 1 ล้านบาท ก็ไปแล้ว และยืนยันอีกครั้งว่า คนที่มาด้วยเงินไม่มี ส่วนใหญ่ก็เพราะทนอยู่ที่เดิมไม่ได้

“ผมเป็นคนไปเจรจากับคุณชุมพลเอง เพราะว่าลูกสาวบอกพ่อว่าหนูไม่ไหวแล้ว เพราะพรรคมันเละ ไม่อยากอยู่หาพรรคใหม่ให้เถอะ นี่คือที่มา และนายชุมพลก็อึดอัดเหมือนกัน”

เมื่อถามว่า นายจุรินทร์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ นายไตรรงค์ กล่าวว่า ไม่รู้ นายจุรินทร์ไม่ค่อยมีเงิน ตนรวยกว่าเพราะภรรยารวย แต่ที่ได้เป็นหัวหน้าพรรค เพราะ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค บอกกับตนเองว่า ที่ได้เป็นเพราะพี่ช่วย

“ผมถามกลับว่า ทำไมไม่ให้เขาลาออกแล้วเลือกตั้งใหม่ จากกรณี นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ พี่ช่วยมันก็กลับมาใหม่ได้ ก็ล้างมลทินได้ แกก็บอกว่าเออพี่ก็เห็นด้วย แต่พอผมลาออกมาแล้ว แกก็พูดอีกอย่าง”