1 มีนาคม 2566 นายชวลิต วิชยสุทธิ์ กรรมการยุทธศาสตร์ พรรคไทยสร้างไทย อดีตประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายฯ ให้ความเห็นกรณี ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลเข้าชื่อส่งศาล รธน.วินิจฉัยว่า การออก พ.ร.ก. ชอบด้วย รธน.หรือไม่ ว่า ในวันพิจารณา พ.ร.ก. ฉบับดังกล่าวเมื่อ 28 ก.พ.66 ที่ผ่านมา ส.ส.ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านล้วนเห็นพ้องต้องกันว่า
กฎหมายฉบับนี้มีหลักการให้ความเป็นธรรมแก่ประชาชนในกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งคุ้มครอง จนท.ของรัฐที่ปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต จึงไม่ควรเลื่อนการบังคับใช้ออกไปบางมาตรา ( ม.22 - 25) การอ้างเหตุผลว่า อุปกรณ์กล้องบันทึกภาพและเสียง ไม่เพียงพอ ฟังไม่ขึ้น
โดยการที่ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลเข้าชื่อยื่นศาล รธน.วินิจฉัยความชอบด้วยรธน.นับเป็นตรรกะวิบ้ติ ย้อนแย้งกับข้อเท็จจริง กล่าว คือ รัฐบาลเสนอกฏหมายฉบ้บนี้เอง เมื่อสภา ฯให้ความเห็นชอบกลับออกพ.ร.ก.เลื่อนการบังคับใช้ในมาตราสำคัญ (ม.22 - 25) และขณะสภา ฯ กำลังพิจารณา พ.ร.ก.ฯ ฉบ้บนี้ กลับส่งศาล รธน.วินิจฉัยว่าพ.ร.ก. ฯ ชอบด้วย รธน.หรือไม่ นับเป็นตรรกะวิบัติ ไม่มีความเป็นเหตุเป็นผลอยู่เลย ส่งผลให้รัฐบาลล้มละลายกระทบความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมชั้นต้น
ขณะนี้ ตนเห็นว่าเราไม่อาจพึ่งรัฐบาลที่จะปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมได้ คงเป็นเรื่องยากมาก ๆ เพราะรัฐบาลไม่มีความจริงใจที่จะปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมตามที่ประกาศไว้ อย่างไรก็ตาม การไม่อยู่กับร่องกับรอยของรัฐบาล กลับเป็นแนวร่วมมุมกลับ
ส่งผลทำให้ประชาชนตื่นตัวที่จะปกป้องสิทธิ เสรีภาพของประชาชนในกระบวนการยุติธรรม จึงขอเรียกร้องให้ประชาชนทุกภาคส่วนร่วมกันติดตามเส้นทางของกฎหมายฉบับนี้ต่อไปอย่างใกล้ชิด เพื่อประโยชน์ในการอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชน