svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"จิราพร" จัดหนัก นายกฯ บอกไม่เคยโกง แต่ปล่อยหลานฮั้วประมูลเอี่ยวทุนจีนเทา

“จิราพร” ฟาดหนัก นายกฯ บอกไม่เคยโกงแม้แต่บาทเดียว แต่ปล่อยหลานชายฮั้วประมูลโครงการรัฐ เอี่ยวทุนจีนสีเทา ซัด 3ป.จันทร์โอชา ร่วมกันกอบโกยผลประโยชน์จากอำนาจและตำแหน่ง

15 กุมภาพันธ์ 2566 ที่อาคารรัฐสภา การประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวาระอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 นางสาวจิราพร สินธุไพร  ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย อภิปรายช่วงหนึ่งว่า การที่หลานชายพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้ค่ายทหารเปิดบริษัทอาจจะเป็นพฤติกรรมเลียนแบบ เพราะ พลเอกประยุทธ์ ในฐานะลุงอยู่บ้านหลวงพ้นจากตำแหน่งก็ยังไม่ย้ายออกมา  แม้มาเป็นนักการเมืองก็ยังไม่ยอมย้ายออก ก็เลยคิดว่าสามารถทำได้ ซึ่งสอดคล้องกับสำนวนไทยว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น 

 

"จิราพร  สินธุไพร"  ส.ส.ร้อยเอ็ด  พรรคเพื่อไทย

 

แต่หลานของพลเอกประยุทธ์คือ ลูกไม้หล่นไม่ไกลค่าย  จนกระทั่งเมื่อปี 2559 มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ถึงความไม่เหมาะสมในการใช้ทหารเปิดบริษัทส่วนตัว ในชื่อ “คอมเทมโพรารี” และยังได้รับงานประมูลของรัฐที่มูลค่าสูง แต่ในที่สุด ก็ทนกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของสังคมไม่ไหว ทำให้ เมื่อวันที่ 3 พ.ย.2559 หลานชายพลเอกประยุทธ์ จึงตัดสินใจย้ายออกจากค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ ออกมาตั้งบริษัทนอกค่ายทหาร เพื่อให้พ้นข้อครหา แต่ยังดำเนินการประมูลงานภาครัฐอย่างต่อเนื่อง 

เมื่อตรวจสอบรายละเอียดของบริษัทดังกล่าวพบข้อสงสัยหลายประการ โดยในปี 2555-2556 มีผลประกอบการขาดทุนอย่างต่อเนื่อง แต่ปี 2557 กลับได้รับการประมูลโครงการรัฐที่มีมูลค่าถึง 3 โครงการ มูลค่ารวม 28 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 3 โครงการเป็นโครงการของกองทัพ หลังพลเอกประยุทธ์ ทำการรัฐประหาร

 

และตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ยังได้รับงานจากโครงการรัฐอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 3 “พูดง่ายๆเป็น เขตอิทธิพลพ่อ บารมีลุง” ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าว ถือเป็นช่วงเวลาที่ลูกหลานพลเอกประยุทธ์ กอบโกย ตักตวงผลประโยชน์ งบประมาณของแผ่นดินอยู่

 

ทั้งนี้จึงขอตั้งข้อสังเกตว่า บริษัทหลานพลเอกประยุทธ์ มีทุนจดทะเบียนเพียง 1.5 ล้านบาท แต่ได้รับงานประมูลที่มีมูลค่าสูง ทั้งที่เพิ่งเปิดบริษัท ซึ่งปกติแล้วทุนจดทะเบียนจะเป็นหลักประกัน แสดงถึงสถานะทางการเงินและความน่าเชื่อถือของบริษัท หากเกิดการฟ้องร้อง ทุนจดทะเบียนที่สูงย่อมแสดงถึงความสามารถในการชำระหนี้ แต่หากจะใช้วิธีแบงก์การันตี ต้องถามกลับว่า หลานพลเอกประยุทธ์เอาเงินที่ไหนไปทำแบงก์การันตี แต่หากพลเอกประยุทธ์ ตอบไม่ได้ก็แสดงว่าการได้งานในครั้งนั้น เป็นเพราะนามสกุล “จันทร์โอชา” มากกว่าศักยภาพของบริษัท

"จิราพร" จัดหนัก นายกฯ บอกไม่เคยโกง แต่ปล่อยหลานฮั้วประมูลเอี่ยวทุนจีนเทา

ต่อมาในปี 2557 บริษัทดังกล่าว ก็ยังได้รับการประมูลงานของรัฐหลายสิบล้านบาท แต่จากการตรวจสอบพบว่า บริษัทมีเครื่องมือและอุปกรณ์ก่อสร้างเพียง 13 รายการ โดยที่ไม่มีรายการเครื่องจักรกลหนักแม้แต่รายการเดียว ซึ่งหากอ้างว่าใช้วิธีการเช่าเครื่องจักร ก็มองว่าไม่สมเหตุสมผล เพราะรับงานมาตลอด 8 ปี

จึงตั้งข้อสังเกตว่า เป็นเพียงนายหน้ารับประมูลงานเพื่อขาย แม้ไม่มีเครื่องจักรหนัก แต่มีเครื่องจัดหนักคือ “อำนาจลุงและพ่อ” ที่คอยจัดให้หลานหรือไม่ ส่วนตำแหน่งที่ตั้งบริษัทดังกล่าว ก็เป็นเพียงบ้านหลังขนาดเล็ก ไม่น่าเชื่อว่าบริษัทขนาดใหญ่ มีอาชีพหลักในการรับเหมาก่อสร้าง ประมูลงานรัฐนับพันล้าน แต่มีอาชีพขับรถแกร็บส่งของ

พร้อมตั้งข้อสังเกตว่ามีการฮั้วประมูลงาน จนทำให้ได้รับโครงการต่างๆของภาครัฐ เพราะบริษัทที่ร่วมประมูลงานกับบริษัทหลานพลเอกประยุทธ์มีสภาพแย่กว่า จึงทำให้ได้รับงานอย่างง่ายดาย

นางสาวจิราพร กล่าวต่อ ที่ผ่านมาคนมักจับตาไปที่ 3 ป. ที่อยู่ในรัฐบาล แต่ยังมีอีก 3 ป. ที่ยังได้ผลประโยชน์ไม่แพ้กันคือ ป.ประยุทธ์ ป.ปรีชา และป.ปฐมพล 3 ป.ในรัฐบาล แยกกันเดินแล้ว แต่ 3 ป.นี้ ยังรวมกันเดิน ป.ประยุทธ์รัฐประหารเป็นนายกรัฐมนตรี ป.ปรีชา ก็เป็นปลัดกระทรวงกลาโหม เป็น ส.ว. เป็นบอร์ดบริหารต่างๆ และคอยป้อนงานให้ ป.ปฐมพล

นอกจากนี้ บริษัทหลานชายพลเอกประยุทธ์จะฮั้วประมูลแล้ว ยังพบว่ามีการตกแต่งบัญชีเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี บริษัทดังกล่าวรับงานรัฐมาแล้วนับพันล้านบาท แต่พบว่ายังมีสถานะขาดทุน โดยยกตัวอย่าง ค่าน้ำค่าไฟขณะตั้งอยู่ในค่ายทหารสูงกว่า 2 แสนบาท แต่เมื่อย้ายออกมาอยู่ข้างนอกค่ายทหาร พบว่า ค่าน้ำค่าไฟลดเหลือเพียงหลักพันบาทต่อปี ซึ่งถือว่าเป็นความผิดปกติ จึงอยากให้พลเอกประยุทธ์ไปตรวจสอบเพิ่มเติมว่า พฤติกรรมเหล่านี้เข้าข่ายตกแต่งบัญชี เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีอย่างโจ่งแจ้ง เข้าข่ายทุจริตอย่างร้ายแรง

"จิราพร" จัดหนัก นายกฯ บอกไม่เคยโกง แต่ปล่อยหลานฮั้วประมูลเอี่ยวทุนจีนเทา

พลเอกประยุทธ์ในฐานะลุงและเป็นนายกรัฐมนตรีที่เคยประกาศปราบปรามการทุจริตระดับชาติ จากวันนี้เหลือเวลาดำรงตำแหน่งอีก 37 วันจะครบวาระ จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเรื่องนี้ได้หรือไม่ เท่านั้นยังไม่พอ พลเอกประยุทธ์ยังปล่อยประละเลย เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ปล่อยให้หลานมีพฤติกรรมเข้าไปทำมาหากินและบ่มเพาะอาชญากรรมกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยมีความเชื่อมโยงกับ “นายตู้ห่าว” ในเรื่องทุนจีนสีเทา เกี่ยวกับการฟอกเงินผ่านบริษัทรถทัวร์ ซึ่งหลานชายพลเอกประยุทธ์เป็นหุ้นส่วน การปราบปรามการทุจริตต้องเริ่มจากหน่วยที่เล็กที่สุดคือ ครอบครัว

ดังนั้นจึงขอให้พลเอกประยุทธ์ ตรวจสอบครอบครัวของตนเองก่อนว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตดังกล่าวหรือไม่ ทั้งบริษัทรับประมูลงานโครงการรัฐและพฤติกรรมที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับทุนจีนสีเทา หากไม่ทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง จะให้ประชาชนเชื่อได้อย่างไรว่า พลเอกประยุทธ์ไม่เคยโกงแม้แต่บาทเดียว เพราะหากยังเพิกเฉยกับการทุจริตของหลานชายก็เท่ากับให้คนในครอบครัว เครือญาติโกงแทนใช่หรือไม่

วันนี้ทุนจีนสีเทาน่ากลัวแล้ว แต่ทุนไทยสีเขียวน่ากลัวกว่า เพราะแผ่อิทธิพลไปถึงลูกหลาน แม้จะถูกตั้งคำถามมากมาย แต่ไม่มีกลไกรัฐสามารถแตะต้องและตรวจสอบได้อย่างเข้มข้น ซึ่งทุนไทยสีเขียวมีพฤติกรรมคล้ายกันคือ

“ลุงอยู่บ้านหลวง พ่ออยู่บ้านหลวง หลานก็อยู่บ้านหลวง ลุงกินเงินเดือนหลวง พ่อกินเงินเดือนหลวง หลานกินงบประมาณของลุงหรือไม่ ลุงยึดอำนาจเป็นนายกรัฐมนตรี พ่อช่วยลุงยึดอำนาจ หลานกินงบประมาณแผ่นดินจากการยึดอำนาจ ลุงเป็นนายกรัฐมนตรี พ่อเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม เป็น ส.ว. หลานเป็นหัวหน้าแก๊งประมูลหรือไม่ ลุงนิรโทษกรรมตัวเอง หนีการตรวจสอบ พ่อเป็น ส.ว.  หนีการประชุมสภา หลานเข้ามาตกแต่งบัญชีหนีภาษีหรือไม่” นางสาวจิราพรกล่าว

 

ดังนั้น เวลาที่เหลือในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพลเอกประยุทธ์อีก 37 วัน ช่วยพลิกเอาคดีของหลานชาย มาทำให้ประเทศสิ้นความสงสัยก่อนหมดวาระ