
การพัฒนาเป็นรองแค่เมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ แถมยังมี ส.ส.ได้ไม่น้อย เพิ่มจาก 4 คนเป็น 5 คน ทำให้พื้นที่นี้เป็นที่หมายปองของหลายพรรคการเมือง
พูดถึงระยอง ต้องพูดถึงบ้านใหญ่ “ปิตุเตชะ” นำทีมโดย “หมอตี๋” สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพราะสามารถยึดหัวหาดทั้งการเมืองระดับชาติและท้องถิ่นมายาวนานตั้งแต่ปี 2550 หรือ 15 ปีต่อเนื่องมาแล้ว
ส่งผลให้ “ประชาธิปัตย์” กวาดยกจังหวัดทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งใหญ่ ก่อนจะมาเสียเก้าอี้ในการเลือกตั้งเมื่อปี 62 ในเขต 4 ให้กับ สมพงษ์ โสภณ จากพลังประชารัฐ และนั่นจึงเป็นภาพสะท้อนว่า “ระยองก็ถูกเจาะได้”
เหตุนี้เอง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะว่าที่แคนดิเดตนายกฯของพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงเตรียมขนทัพเยือนพื้นที่ระยองในวันที่ 22 มกราคมนี้
น่าติดตามว่าการขยับตัวครั้งใหญ่ของบุคคลระดับผู้นำประเทศ จะทำให้ใครเบนเข็มหรือเปลี่ยนทิศทางการเลือกตั้งของเมืองระยองในช่วงโค้งสุดท้ายได้บ้างหรือไม่
และเมื่อดูจากสถานการณ์ภาพรวมแล้ว บ้านใหญ่ “ปิตุเตชะ” น่าจะเหนื่อยกับ “ศึกใน” มากกว่า “ศึกนอก”
เริ่มจากเขต 1 “สาธิต ปิตุเตชะ” หรือ “หมอตี๋” เป็นเจ้าของพื้นที่ เขตนี้แม้จะดูแบเบอร์ เพราะมีเครื่องไม้เครื่องมือและสรรพกำลังพร้อม แต่การเลือกตั้งที่มีเดิมพันสูงขนาดนี้ อย่างไรเสียก็ประมาทมิได้
ปัญหาใหญ่ “หมอตี๋ สาธิต” คือไม่ใช่แค่พา “ทีมระยอง” กลับเข้าสภาให้ได้มากที่สุดเท่านั้น แต่ยังต้องแบกสถานการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ที่คะแนนนิยมไม่สู้ดีนักเอาไว้บนบ่า ทำให้ถูกแซะได้ทุกเมื่อ ทุกเขต
จุดที่มีโอกาสพลิกผันมากที่สุด ก็คือข่าวพี่ใหญ่ของบ้านปิตุเตชะ “นายกช้าง ปิยะ ปิตุเตชะ” นายก อบจ. ระยอง เตรียมลงการเมืองสนามใหญ่อีกครั้ง หลังมีข่าว “บ้านใหญ่แถบเมืองชลฯ” ทาบทามให้สวมเสื้อเพื่อไทย เพื่อเล่นการเมืองระดับชาติ
สำหรับ “นายกช้าง” ชาวบ้านรู้กันดีว่าเป็นคน “ใจถึงพึ่งได้” ผลงานการเลือกตั้งเมื่อปี 44 นายกช้าง ก็นั่งเก้าอี้ผู้แทน เขต 3 ระยอง สังกัดพรรคชาติไทย ต่อมาเลือกตั้งปี 48 ผ่องถ่ายงานการเมืองให้น้องเล็กคนสุดท้องอย่าง “ธารา ปิตุเตชะ” ที่เวลานั้นสังกัดพรรคไทยรักไทย แล้วก็ไม่พลาด
ดังนั้นหากพี่ใหญ่จากตระกูลปิตุเตชะอาจโดดมาเล่นเอง จึงบอกได้ว่างานนี้มีสนุกแน่
ถัดมาเขต 2 นายแพทย์บัญญัติ เจตนจันทร์ หรือ “หมอบัญญัติ” จากค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผม ลงป้องกันแชมป์ โดยก่อนหน้านี้ หมอบัญญัติ เคยตกเป็นข่าววิวาทะกับพรรคภูมิใจไทย ในประเด็นจัดฉากเด็กพี้กัญชา แต่ก็โกยคะแนนจากมวลชนฝ่ายไม่เอากัญชาได้ไม่น้อย แม้เวลานี้จะยังไม่เห็นโฉมหน้าคู่แข่งจากพรรคอื่น แต่เส้นทางก็ใช่ว่าจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ
ต่อมาเขต 3 ธารา ปิตุเตชะ หรือ “เสี่ยทุ่น” เจ้าของพื้นที่เดิมจากค่ายประชาธิปัตย์เช่นกัน และเป็นน้องเล็กของตระกูล “ปิตุเตชะ” ในการเลือกตั้งปี 66 ต้องบอกว่าเดินไม่สะดวกเท่าเดิม เพราะพรรคชาติพัฒนากล้า นำโดย สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรค ได้เปิดตัวคนหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง วัยไม่ถึง 30 ปี “พลช กฤษณะราช” ลงเบียดชิงเก้าอี้ ส.ส.ในพื้นที่นี้ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 สิงหาคมปีที่แล้ว
พลช มีดีกรีจบวิศวกรรมศาสตร์จากเมืองผู้ดีอังกฤษ อีกทั้งยังเป็นลูกชายของ พันตำรวจเอก พณาเจือเพ็ชร์ กฤษณะราช รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา (สมัยยังเป็นพรรคชาติพัฒนา) และเคยเป็นส.ว.ระยอง จึงมีฐานเสียงไม่น้อยหน้า และนับเป็นงานหนักสำหรับ “เสี่ยทุ่น” เพราะต้องมาสู้กับคนรุ่นใหม่ และวัดใจคนพื้นที่ว่าอยากลองของใหม่หรือไม่
เขต 4 สมพงษ์ โสภณ จากพลังประชารัฐ ฝ่าด่าน “ปิตุเตชะ” เข้ามาเจาะพื้นที่ได้ แต่ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงกว่าเก่า เพราะ วิชัย ล้ำสุทธิ อดีต ส.ส.ระยอง เขต 4 สมัยการเลือกตั้งปี 54 ขอกลับมาทวงเก้าอี้คืน เนื่องจากปี 62 ลาออกจากประชาธิปัตย์ หลังถูกจับไปอยู่ในบัญชีรายชื่อ อันดับที่ 57 แต่วันนี้ วิชัย เปลี่ยนค่ายใหม่ มาลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย จึงนับว่าเป็นอีกหนึ่งคู่แข่งคนสำคัญในสนามเลือกตั้งระยอง
ส่วนเขต 5 พื้นที่เพิ่มใหม่ ยังต้องจับตามอง เพราะแต่ละพรรคยังซุ่มเงียบ ไม่เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครว่าจะส่งใครเข้าชิง แต่ก็เป็นงานหนักของบ้านใหญ่ “ปิตุเตชะ” โดยเฉพาะ “หมอตี๋ สาธิต” ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กับการขับเคลื่อนพรรคไปสู่เป้าหมาย หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีข่าวเตรียมย้ายไปซบภูมิใจไทย แต่สุดท้ายก็ยังนั่งอยู่ที่พรรคเก่าแก่เช่นเดิม
ขณะที่บรรยากาศการแข่งขันต้องบอกว่าดุเดือดเลือดพล่าน เพราะหากยังจำกันได้ เมื่อต้นเดือน ส.ค.65 มีเหตุคนร้ายจ่อยิง มานพ เสถียรเขตต์ ทนายความชื่อดัง อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 ระยอง พรรคไทยรักษาชาติ เสียชีวิตคาปั๊มน้ำมันของตนเอง เป็นการยิงกลางวันแสกๆ ต่อหน้าภรรยาของผู้ตายและเด็กในปั๊ม
มานพ กำลังเดินงานการเมืองในพื้นที่อย่างหนัก และเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ระยอง ของพรรคเพื่อไทย
แม้คดีนี้ตำรวจจะจับกุมทีมมือปืนที่ก่อเหตุได้ยกก๊วน แต่ชาวบ้านยังคาใจว่ามีการตัดตอนไม่ให้สาวถึงผู้บงการตัวจริงหรือไม่ ฉะนั้นการเลือกตั้งใหญ่เมืองระยอง จึงยังวางใจไม่ได้ว่าจะผ่านไปแบบไม่สูญเสียเลือดเนื้อกันอีก!