“อรรถพล” เร่งสางปมฉาว! ส่วย “อุทยาน” โยกย้ายไม่เป็นธรรม

26 มกราคม 2566 เวลา 08.00 น. ที่กรมอุทยานเห่งชาติ ฯ นาย อรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) รักษาราชการเเทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช  เดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่ที่กรมอุทยานเเห่งชาติฯ หลังมีคำสั่งเร่งด่วน 

จาก นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่และรักษาราชการแทนอธิบดีฯ นาย นายรัชฎา  สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีฯที่ถูกกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ  ป.ป.ป. ดำเนินคดีในฐานความเรียกรับเงิน จากผู้ใต้บังคับบัญชา  โยกย้ายตำแหน่งข้าราชการในหน่วยงาน และ เรียกรับเงินจากหน่วยงานในสังกัด 

โดยนายอรรถพล เดินทางมาตั้งเเต่ 08.00 น. เพื่อเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกรมอุทยาน ฯ พระบรมรูปรัชกาลที่ 5 เเละ อนุสาวรีย์วีระชนป่าไม้  มี นายนริน ประทวนชัย เเละ นางรุ่งนภา พันธ์วิบูลย์ รองอธิบดีกรมอุทยานฯ เเละ บรรดาข้าราขาการในกรมอุทยานมาต้อนรับ

จากนั้น นายอรรถพล รักษาราชการอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และ พันธุ์พืช  เปิดใจกับสื่อมวชนเป็นครั้งเเรก ระบุว่า ที่ผ่านมา นายวราวุธ ศิลปะอาชา รมว.ทส. ได้คุยกับตนมาโดยตลอดว่า จะให้เข้ามาช่วยเเก้ปัญหาทั้งหมด โดยรัฐมนตรีเล็งเห็นว่า เน้นคนที่การทำงานได้เลยทันที เพื่อความรวดเร็ว เเละการทำหน้าที่มีหลายเรื่องที่จะต้องทำอย่างเร่งด่วน หลายเรื่องที่จะต้องพร้อมๆกัน จะต้องใช้องคาพยพ  ของเจ้าหน้าที่อุทยานมาผนึกกำลังเป็นทีมเดียวกัน 

รมว.ทส.กำชับ เร่งสางปมโยกย้าย-ส่วย อุทยานฯ 

รักษาราชการอธิบดีกรมอุทยานฯ บอกว่า  นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้กำชับว่า ให้เข้ามาเร่งแก้ปัญหาภายในกรม เน้นย้ำ 2 เรื่องหลัก คือ  ให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับกระทบโยกย้ายไม่เป็นธรรม และ ความโปร่งใสถูกต้องในการทำงาน โดยเฉพาะเรื่องของงบประมาณและจัดเก็บรายได้ของกรมอุทยานฯ ที่ต้องสามารถตรวจสอบ

เปิดเผยต่อสาธารณะได้ ส่วนคนที่ทำผิดก่อนหน้านี้ว่า ไปตามกระบวนการ ยุติธรรม และ การตรวจสอบ ทั้งในระดับกระทรวงและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเช่นป.ป.ป.และ ป.ป.ช.ซึ่งตนเองจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว หากใครทำผิด ก็ต้องรับผิดชอบ โดยมีแนวทางการโยกย้ายตำแหน่งผู้ใต้บังคับบัญชา ทั้งในระดับหัวหน้าหน่วย และ ปฎิบัติงานรวมเกือบ 300 นาย ที่ร้องเรียนว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม  ยืนยันว่าทุกตำแหน่งจะให้ความเป็นธรรมเหมาะสมกับทุกตำแหน่ง แต่อาจจะไม่ได้โยกย้ายคืนทุกตำแหน่ง แต่จะพิจารณาเป็นรายกรณี

กำชับเร่งด่วน 2 เรื่อง   “วราวุธ”  รมว.ทส.  ใครทำก็ต้องรับผิดชอบ ปัดเป็นเด็ก “รมต.”

นาย อรรถพล ยังยืนยันด้วยว่า  กรณีที่ถูกย้ายมารักษาการแทนรองอธิบดีที่รักษาการอยู่เดิม  เพราะกระทรวงฯ ต้องการให้มีอำนาจเต็ม จะมีอำนาจเต็มเเหมือนอธิบดีตัวจริง มีอำนาจในการตัดสินใจแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้เร็วขึ้น เพราะที่ผ่านมา รองอธิบดี ถ่ายทอดไม่ชัดเจน ย้ำว่า ไม่มีนัยยะอื่นแอบแฝง

ยืนยันว่า การถูกแต่งตั้งให้รักษาราชการแทนอธิบดีในครั้งนี้ ถูกมองว่า เป็นเด็ก หรือ สายตรง ของนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตนเองไม่ใช่เด็กของรัฐมนตรีฯ วราวุธ แต่หากจะมองลักษณะนี้ ตนเองก็เป็นเด็กของทุกคน รวมถึงเด็กของ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เป็นผู้บังคับชาสูงสุด

ส่วนกรณีที่ถูกมองว่า ที่ผ่านมาอยู่ในตำเเหน่ง เเต่ละหน่วยงานไม่นาน อาทิ กรมควบคุมมบพิษ , กรมทรัพยกรทางทะเลเเละชายฝั่ง จนมาถึงรักษาราชการ จะอยู่ได้นานหรือไม่ หรือหากมีการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ จะถูกโยกย้ายอีกหรือไม่ นายอรรถพล ระบุว่า หลังจากที่ได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งนี้  โดยไม่รู้ว่า จะมีวาระอยู่กี่เดือนหรือกี่ปี ก็จะทำงานอย่างอย่างเต็มที่ให้ดีที่สุด เพื่อเก็บเเต้ม เป็นความภาคภูมิใจผลงาน หลังเกษียณราชการ 

สำหรับอุทยานเเห่งชาติเกรด A ที่มีเม็ดเงินรายได้ เป็นอันดับ 1 จากกการท่องเที่ยวเเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะการท่องเที่ยวที่เริ่มกลับมาขับเคลื่อน จะมีการคัดเลือกตัวบุคคลที่เป็นหํวหน้าอุทยาน เเละ วางเเผนเเนวทางในการจัดเเก็บรายได้อย่างไร นายออรรรถพล ระบุว่า  ต้องเลือกคนเก่ง เเละ คนดี เเละวางระบบการที่ดีให้กับอุททยาานเเเห่งชาตินั้นๆ 

สำหรับนโยบายเร่งด่วน 9 ด้าน สร้างความเชื่อมั่นอุทยาน หลังเข้ามารับหน้าที่ วางนโยบายสำคัญไว้ 9 ข้อหลัก ที่จะต้องรีบดำเนินการ ดังนี้

เรื่องที่ 1. เรื่องผลกระทบในการเเต่งตั้งโยกย้าย ที่ไม่เป็นธรรม โดยวันนี้ได้มีการยกร่างคำสั่งคณะกรรมการดังกล่าว ที่จะเซ็นเป็นคำสั่งเเรก ที่จะเเก้ปัญหาผู้ได้รับผลกระทบจริงๆ จะต้องไปดูรายคนว่า ใครที่ไปเเล้วไม่เหมาะสม ใครที่ไปเเล้วก่อให้เกิดผลกระทบ หลังจากนี้จะเร่งคุยคณะกรรมการเพื่อช่วยกันกลั่นกรอง

เรื่องที่ 2 ความโปร่งใส ความถูกต้องในการทำงาน ทุกๆกิจกรรมของเเผนงบประมาณต้องเป็นไปอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้โดยเฉพาะเรื่องเงินงบประมาณ การจัดเก็บ เงินรายได้ต่างๆ ของกรมอุทยาน หรือกระบวนการที่ล่อเเลมต่อการัดเก็บ การรั่วไหล จะปิดช่องว่างให้หมด สิ่งใดที่บุคคคลใดบุคคลหนึ่งที่ได้ทำไว้ว่า ไปตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งมีอยู่เเล้ว ไม่ว่า จะเป็นคณะกรรมการสอบวินนัย หรือ ปปช. ที่ได้รับเรื่องไปเเล้ว ที่เป็นคดีอาญาต่างๆว่า เป็นไปตามกระบวนการ จะไม่เข้าไปยุ่ง เเต่ถ้าจะขอข้อมูลเพิ่มก็จะพร้อมสนับสนุน

เรื่องที่ 3 พื้นที่กรมอุทยาน ฯ จะต้องมีผลค่านิยมในการการปกป้องกัน  การคุ้มครองปราบปราม  ยกระดับให้เข้มข้นมากขึ้น  ไม่ว่าจะเป็นการ บุกรุกการตัดไม้พยุง ไม้มีค่า บุกรุกพื้นที่ทีองเที่ยวทำรีสอร์ท จะยกระดับชุดปราบปรามให้เข้มเเข็งมากขึ้น

เรื่องที่ 4 ประชาชนที่อยุู่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์  ทั้งอุทยานเเห่งชาติ เขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่า ที่มีประชาชนอาศัยอยุ่ จะต้องเร่งรัด จัดสรรที่ดินทำกิน ไปพร้อมกับการออกอนุพระราขบัญญัติ ตาม พ.ร.บ.อุทยานฯ พ.ร.บคุ้มครองสัตว์ป่า เข้าไปพัฒนาที่ดินทำกินให้กับประชาชนให้ได้

เรื่องที่ 5 ไฟป่า ที่ผ่านมาอาจจะมีเรื่องงบประมาณมีการหักงบประมาณ หลังจากนี้จะต้องทำเต็มที่ เเม้งบไม่เพียงพอ ต้องดึงภาคประชาชนมามีส่วนร่วม

เรื่องที่ 6 โครงสร้างการทำงาน ของกรมอุทยาน  ให้บริหารเชิงพื้นที่ให้มากขึ้น

เรื่องที่ 7 ขวัญกำลังใจ เป็นเรื่องสำคัญมาก จากเหตุการณ์ผ่านมา เจ้ากหน้าที่ค่อนข้างเสียขวัญ เเละไม่ได้รับความไว้วางใจกับประชาชน จะต้องช่วยกันกอบกู้ความเชื่อมันให้ประชาชนกลับมาไว้วางใจอีกครั้ง

เรื่องที่ 8 สวัสดิการ ค่าตอบเเทน ผู้พิทักษ์ป่า ให้เหมาะสมกับการทำงาน เช่น ค่าตอบแทนในการลาดตระเวน

เรื่องที่ 9 ปัญหาช้างป่า ผลักดันเสริมกองทุน ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากช้างป่า เร่งของบกลางเขามาช่วยเสริมกองทุน , ที่เหลือเป็นงานรูทีนทั่วไป ที่ต้องทำตามปกติ 

สุดท้ายเเม้ว่า จะถูกมองว่า  วางแนวทางการทำงานไว้หลายอย่าง จะดำเนินการได้ทันตามที่วางไว้หรือไม่ นายอรรถพ บอกว่า จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดก่อนจะเกษียณอายุราชการในอีก 3 ปี  พร้อมยอมรับว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในกรมอุทยานฯ อาจจะต้องใช้ระยะเวลาแก้ไข และมั่นใจว่า ภายใน 1 สัปดาห์จะเห็นทิศทางที่ดีขึ้น