12 มกราคม 2566 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมสัมมนา การมอบนโยบายและแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ 2567 โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมงาน
โดยนายกรัฐมนตรี ระบุว่า สถานการณ์ของเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ที่มีเสถียรภาพมีความมั่นคง ทางด้านงบประมาณ ได้รับการยอมรับและมีการพัฒนาในประเทศมากมายหลายส่วนที่ผ่านมา แม้ว่าเราจะมีผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบกับโควิด รวมไปถึงสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่มีการชะลอตัวลง ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองทางภูมิศาสตร์ระหว่างประเทศ
และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ส่งผลให้การพัฒนาในอนาคตมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก ยางพลิกผันการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรของโลกที่มีสัดส่วนของผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเปลี่ยนแปลงความรู้สภาพภูมิอากาศ รวมไปถึงคนท้าทายภายในประเทศที่ต้องบริการจัดการกับปัญหาความเจริญของเศรษฐกิจภายในประเทศหนี้สินครัวเรือนในการเข้าสู่สังคมสูงวัย
ซึ่งส่งผลกระทบต่อจำนวนแรงงาน รวมทั้งปัญหาคุณภาพและความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาปัญหาภัยแล้งน้ำท่วมสภาพแวดล้อม สิ่งเหล่านี้เผชิญมาหลายปีมาตลอดแต่จะทำอย่างไรให้เกิดความต่อเนื่องในการแก้ไขปัญหาให้ดีขึ้น จำเป็นต้องใช้จ่ายงบประมาณให้คุ้มค่า ให้เกิดความสมดุลเพื่อแก้ไขปัญหาในทุกมิติต้องเดินไปพร้อมกัน
นอกจากนี้ยังมีมาตรการทางการคลังในการฟื้นฟูผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด 19 ลดผลกระทบของการปรับขึ้นราคาสินค้าโดยได้บัญญัติมาตรการเฉพาะเจาะจง ในการแก้ไขปัญหา สำหรับกลุ่มเป้าหมายต่างๆ อย่างกลุ่มผู้มีรายได้น้อยประชาชนทั่วไปเพื่อรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศและเพิ่มกำลังซื้อ ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14 ล้านคนและโครงการคนละครึ่ง ไม่ต่ำกว่า 25 ล้านคนสินเชื่อ ดอกเบี้ยตามมาตรการเสริมสภาพคล่องสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย ตลอดจนมีการช่วยเหลือภาคแรงงานสำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ให้การช่วยเหลือเกษตรกรผ่านโครงการประกันรายได้
ด้านการบรรเทาผลกระทบจากราคาพลังงานที่สูงขึ้นต้นทุนพลังงานที่มีการนำเข้าจำนวนมากวันนี้เกิดผลกระทบ ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาบรรเทา ผ่านมาตรการภาษีสรรพสามิตอุดหนุนราคาน้ำมันเชื้อเพลิงน้ำมันดีเซลการ์ดหุงต้มก๊าซ NGV การให้ส่วนลดค่าไฟฟ้า การลดเงินนำส่งของนายจ้างตามมาตรา 33 ในช่วงที่อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นมีการช่วยเหลือกว่า 15 ล้านราย
สำหรับประเด็นปัญหาสำคัญที่ต้องมีการเตรียมความพร้อมอย่างเท่าทัน คือการแก้ไขปัญหาการดำเนินชีวิตของประชาชนเช่นในเรื่องการลดข้อจำกัดในการประกอบอาชีพโดยมีการอบรมแรงงานให้ครอบคลุมกลุ่มผู้สูงอายุ เพื่อจะเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพสามารถพึ่งพาตัวเองได้รวมทั้งบรรเทาปัญหาความเดือดร้อน ด้านอาชีพให้กับประชาชนไม่น้อยกว่า 370,000 คน
ด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติดต้องมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนสร้างชุมชนที่เข้มแข็งสร้างอาสาสมัครสร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติดทั้งกายภาพและจิตใจรณรงค์ป้องกันและแก้ไขทั้งในสถานประกอบการโรงเรียนเรือนจำทัณฑสถาน ฟื้นฟูดูแลผู้เสพสร้างโอกาสสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติในสังคม
เรื่องการแก้ไขปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบ ได้นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการเฝ้าระวังการทุจริตประพฤติมิชอบอย่างจริงจังและเข้มงวดทุกอย่างต้องเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรมมีขั้นตอนในการดำเนินการทุกอย่างอะไรก็ตามที่เป็นความผิดต้องถูกดำเนินการทางกฎหมายทั้งสิ้นไม่มีข้อยกเว้น เพราะฉะนั้นก็ขึ้นอยู่กับหลายส่วนด้วยกันที่ต้องร่วมมือกันขอฝากไว้ด้วยในเรื่องนี้ ขอให้ทุกคนให้ความสำคัญ ผมไม่เคยปล่อยปละละเลยใดๆ ทั้งสิ้น
ส่วนเว็บไซต์ภาษีไปไหนตนได้มีการสั่งการเพิ่มเติม ว่าให้ว่าภาษีไปไหน ต้องรู้ว่าทุกอย่างมาอย่างไรไปอย่างไร ใช้จ่ายงบประมาณอย่างคุ้มค่า จัดสัดส่วนต่างๆ ได้เหมาะสมหรือไม่ จะได้รู้ได้เข้าใจกัน แล้วจะไม่เป็นปัญหาในอนาคต
การใช้จ่ายเงินจะใช้ ให้ใคร นั่นคือรายจ่ายต้องคำนึงถึงที่มาของรายได้ อยากบอกให้ทุกคนทราบว่า รัฐบาลเป็นห่วงเป็นใยทุกคนทุกกลุ่มทุกฝ่ายทุกพวก แต่จะทำอย่างไรให้เกิดความเป็นธรรมในการใช้จ่ายงบประมาณที่ได้มาจากภาษีของประชาชน ในแต่ละประเภทให้เกิดความสมดุลเกิดความเป็นธรรม เพราะฉะนั้นจะต้องใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมากที่สุดรัฐบาลได้วางรากฐานระบบเศรษฐกิจของประเทศไปสู่อนาคต
โดยนายกรัฐมนตรี ยังระบุอีกว่า อย่างที่เราทราบว่า เรามีระบบการกระจายอำนาจอยู่แล้ว จะต้องมีการพัฒนาให้มากขึ้น เมื่อมีความพร้อม งบประมาณพร้อม คนพร้อมทุกอย่างเดินหน้าได้หมด ต้องดูบริบทของประเทศไทยด้วยว่าเป็นอย่างไร อยู่ในปัจจุบัน การกระจายอำนาจพร้อมกับการกระจายความรับผิดชอบเพิ่มบทบาทองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า ประเทศไทยเป็นเป้าหมายของหลายประเทศบนโลกใบนี้ ซึ่งให้ความสนใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งการท่องเที่ยว ซึ่งต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วน โดยตัวเลขคาดการณ์คาดว่า GDP จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 ในปี 2565 เป็นร้อยละ 3.5 ในปี 2566 นั่นคือการคาดการณ์แต่จะขึ้นอยู่กับว่าจะช่วยกันได้อย่างไร
ทั้งภาครัฐภาคเอกชนและประชาชนจะต้องช่วยกันในการเดินหน้า เพราะเราจะต้องเดินหน้าลดผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคโควิด 19 ก็ยังมีอยู่และถูกซ้ำเติมด้วยสถานการณ์โลกในปัจจุบัน ความผันผวนด้านราคาพลังงาน ทั้งน้ำมันก๊าซ มีปัญหาทั้งหมด มีราคาผันผวน เราต้องมีการเตรียมความพร้อมการกลายพันธุ์ของโรคโควิด 19 โดยกระทรวงสาธารณสุขได้มีการออกข่าวชี้แจงไปแล้วว่าอยู่ในการดูแลควบคุมดำเนินการอยู่ในเรื่องนี้ขอให้ทุกคนระมัดระวังให้ได้มากที่สุด
การใช้จ่ายในปี 2567 ถึงมีบทบาทสำคัญเดินหน้าควบคู่กับยุทธศาสตร์ชาติ และแผนแม่บทต่างๆเพื่อจะให้บรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ รวมทั้งเรื่องส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยสนับสนุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทางด้านดิจิทัล ยกระดับฝีมือแรงงานการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและบริการที่ดีต่อเนื่อง การดำเนินเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนเศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG รวมถึงการจัดสวัสดิการให้กับคนไทยกลุ่มต่างๆอย่างเหมาะสม
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า รัฐบาลมีความท้าทายในการดำเนินการทางการคลังจำเป็นจะต้องดำเนินการไปด้วยความรอบคอบในการรักษาวินัยและเสถียรภาพทางการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด ทั้งในระยะสั้นระยะกลางระยะยาวการจัดเก็บรายได้และการใช้จ่ายภาครัฐ จะต้องสอดคล้องเหมาะสม ยั่งยืนสามารถสนับสนุนการพัฒนาประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่ก่อให้เกิดภาระการเงินการคลังในระยะยาว
การบริหารรายจ่ายงบประมาณประจำอย่างประหยัด มีประสิทธิภาพสอดคล้องกับความจำเป็นในปัจจุบันนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาปรับใช้ในกระบวนการทำงานให้มากยิ่งขึ้นในการประชุมสัมมนาประชาสัมพันธ์ออนไลน์ นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่องดลดภาระงบประมาณ ขอร้องว่าจะทำอย่างไรให้สามารถลดงบประมาณรายจ่ายประจำลงได้
โดยได้มีการติดตามการดำเนินการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีมาโดยตลอด โดยได้เตือน ว่าโครงการแผนงานใดถ้าไม่สามารถก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายที่กำหนดได้ไว้หรือทำไม่ได้ติดขัดขั้นตอน ก็ควรยกเลิก เพื่อนำงบประมาณไปใช้ในแผนงานโครงการอื่นถือเป็นเรื่องสำคัญ การเสนอแผนงานโครงการขึ้นมาจึงต้องมีความตรวจสอบความเป็นไปได้จะต้องเข้มงวดในเรื่องเหล่านี้ ไม่ใช่อนุมัติไปแล้วแต่ทำจริงไม่ได้ ก็เกิดปัญหาตามมาเพราะฉะนั้นจะต้องมีการเตรียมการให้พร้อม เรื่องไหนที่ทำมาแล้วทำไม่ได้ ทำไม่ผ่านต้องไปทบทวน
โดยในช่วงท้ายนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การมอบนโยบายดังกล่าวนี้ ถ้าไม่ทำตามนี้ ก็ไม่มีประโยชน์ จะใช้จ่ายอะไรก็ได้ทำแผนงานต่างๆ อะไรก็ได้ไม่ได้หรอก อันตราย จากสถานการณ์ทางการเงินก็เริ่มทำแบบนี้ ก็มีปัญหาต่างๆอยู่บ้างก็ทำต่อก็แล้วกัน งบประมาณ 2567 ที่ต้องเตรียมความพร้อมให้กับรัฐบาลต่อไป
ขณะเดียวกันเราต้องเตรียมความพร้อมในรัฐบาลต่อไปด้วย นี่คือหลักการของผมในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรีหัวหน้ารัฐบาล เพราะฉะนั้นจะต้องไม่มีการทุจริต มีก็ต้องถูกลงโทษเท่านั้นเองผมไม่เคยละเว้นใครทั้งสิ้น เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมต้นทางการทางปลายทางดำเนินการ ผมไม่เข้าร่วมใดๆ ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นขอให้ทุกคนช่วยกันให้มันเรียบร้อยในทุกเรื่อง อย่าให้เกิดความแตกแยก ความชิงชังเกิดขึ้นผมไม่ต้องการแบบนั้นบ้านเมืองไปกันไม่ได้ เราใช้กลไกที่มีอยู่แล้วเดิมแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้ได้ ในช่วงท้ายขอโทษคนฟังว่าคำพูดของตนอาจไม่น่าฟังมากนัก แต่ทั้งหมดนี้คือจิตใจของผม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายกรัฐมนตรีมอบกล่าวมอบนโยบาย ช่วงหนึ่งนายกรัฐมนตรีมีอาการ คอแห้ง ไม่มีเสียงรวมไปถึงไอเป็นระยะ โดยกล่าวว่าพูดมาก พร้อมกับหันไปจิบน้ำและพูดต่อ