ผ่าแผนลึก"ประสิทธิ์ เจียวก๊ก" สร้างเครือข่าย"กลุ่มศรัทธา"สูญเงินพันล้าน

"รายการคมชัดลึก"  ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เนชันทีวีออนไลน์  ดำเนินรายการโดย  "วราวิทย์  ฉิมมณี" ได้สัมภาษณ์ "แทนคุณ จิตต์อิสระ" อดีต ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ ,"เดชา กิตติวิทยานันท์" ทนายความ และ"ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์" เลขานุการ รมว.ยุติธรรม  ร่วมผ่า"คดีประสิทธิ์ เจียวก๊ก" ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงประชาชนมูลค่าความเสียหายพันล้านบาท ภายหลังมีความพยายามของขบวนการช่วยเหลือ"ประสิทธิ์"หลบหนีการพิจารณาคดีของศาล  

 

 

แฉ "ประสิทธิ์ เจียวก๊ก" บงการในเรือนจำ จ่าย 10 ล้าน

" วราวิทย์ ": คุณอี้ แทนคุณ เป็นคนแรกที่ออกกมาพูดว่า"คุณประสิทธิ์"  เขายังสามารถหลอกผู้เสียหายในคดีของเขาได้ทั้งที่อยู่ในเรือนจำ จดหมายฉบับดังกล่าวอธิบายไว้อย่างไร อธิบายหน่อยว่าเขาจะสื่อสารกับคนข้างนอกว่าอย่างไร

 

"อี้ แทนคุณ" : มี 3 ส่วน ส่วนแรกเขาพยายามที่จะโน้มน้าวกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า"กลุ่มศรัทธาประสิทธิ์ เจียวก๊ก" มีคุณฝนเป็นแกนนำพยายามโน้มน้าวว่าเขาถูกกลั่นแกล้งถูกโกงมาอีกครั้ง แล้วก็บอกว่าถ้าเขาได้ออกไปทำธุรกิจเขาก็จะคืนเงินกลับมาได้แน่นอน แต่ถ้าติดอยู่อย่างนี้ ทำอะไรไม่ได้ ให้ไปช่วยโน้มน้าวคนที่เคยฟ้องเขาให้เปลี่ยนเป็นไม่ฟ้อง แล้วก็พยายามประคับประคองดูแล"กลุ่มสมาชิกกลุ่มศรัทธา" ก็จะมีการเรี่ยไรเงินมาดูแล"นายประสิทธิ์"ในคุก เช่น ส่งข้าวส่งน้ำ เป็นสิทธิ์ไม่ว่ากัน แต่ประเด็นที่สำคัญมาก คือการมาคุกคามคนที่เป็นโจทก์ เขาจะไปที่ศาลไปด้วยเสื้อสีขาวปกสีส้มเป็นกลุ่มศรัทธา พอใครไปศาลเขาจะเข้าไปหาบอกจะฟ้องเท็จนะ  จะแจ้งความ แล้วก็ไปแจ้งความที่สน.พหลโยธิน

ส่วนที่สอง คือ เขาไม่ได้พูดเปล่าเขามีระบบเรียกว่า mCoin ใครไปศาลเขาให้ 1,000 คะแนน ใครถอนฟ้องเขาให้ 100,000 คะแนน ใครทำกิจกรรมสะสมคะแนนไปสูงสุดเป็นล้านคะแนน ถ้าเขาออกไปได้ 1 คะแนนเท่ากับ16 บาท

 

ส่วนที่สาม  เขาสัญญาว่าใครที่อยู่กลุ่มศรัทธา เดือนมีนา ปี 66 เขาจะคืนให้ก่อน 10% หลังจากนั้นธันวาจะคืนอีก 30% หลังจากนั้นคืน 50% จนหมดตามเงื่อนไขกลุ่มศรัทธา แต่ต้องอยู่กลุ่มนี้เท่านั้น ส่วนคนที่ฟ้องเขาก็จะสู้คดี สิ่งสำคัญที่เป็นตัวชี้วัดคือ เขาบอกเลยว่า 29 ธันวาคม เขาจะได้ประกันตัวปล่อยตัวชั่วคราวแน่นอน

 

"แต่จดหมายฉบับนี้เขาก็ไม่ได้บอกจะวางแผนหลบหนีอะไร เขาแค่บอกว่าข้าพเจ้าคงจะได้รับการประกันตัวออกมาวันที่ 29 ธันวาคม มีรหัสลับอะไรซ่อนอยู่"

"อี้ แทนคุณ" : พวกนี้จะทิ้งร่องรอยบางอย่างเพื่อจะสื่อสารกับเครือข่ายที่เขาสะกดจิตไว้ แล้วกลุ่มนี้แกนนำร้ายมากตอนนี้ผมกำลังไล่เช็ก อยู่ พอดีผมจบจิตวิทยา ผมก็เลยอ่านสัญญะนี้ออก ผมรู้เลยการที่บอกว่าจะต้องออกก่อนสิ้นปีคือวันที่ 29 จริงๆ แล้วอาจจะเป็นการสับขาหลอกแต่ก็ต้องมีการเตรียมการ 

 

 

พอเขาโน้มน้าวเครือข่ายที่อยู่ด้านนอกให้เชื่อว่าเขาจะได้ออก แล้วเดี๋ยวคุณจะได้เท่านั้นเท่านี้ มันถึงมีคนยอมพลีชีพ หนึ่งในนั้นคือ "สมประสงค์" คือคนที่เอาเสื้อผ้าเข้าไปรอ"คุณประสิทธิ์"ในห้องน้ำ แล้วก็มีการลอดช่องห้องน้ำ โดยเชื่อว่า"คุณประสิทธิ์"ออกมาแล้วเขาจะได้เงินคืน

ต้องยอมรับว่ากลุ่มนี้เคยเป็นผู้เสียหายมาก่อน แล้วอยากจะได้เงิน กลัวไม่ได้เงิน ยอมทำทุกอย่างเพราะ"ประสิทธิ์" หลอกตลอดเวลาว่าออกไปแล้วผมจะหาเงินมาคืนคุณ หรือผมยังมีเงินอีกเยอะถ้าคุณให้ผมออกไปจะเอาเงินมาแบ่งคุณที่ช่วยผม เขาก็ไม่มีทางเลือกครับ

 

"วราวิทย์" : ข้อมูลที่"คุณแทนคุณ" เห็นคือ"คุณประสิทธิ์"นี่เป็นตัวหลักเลย

"อี้ แทนคุณ" : โดยข้อเท็จจริงมี 6 คดี 3 คดีหลักคือเขาเป็นตัวการหลัก อีก 3 คดีหลังเป็นบรรดาเซล (sale )  คนใกล้ชิดเป็นคนช่วยคิด เขาเป็นคนต้นเรื่องในการที่จะขับเคลื่อนเพราะคนเชื่อเขา

 

"วราวิทย์" :เลยทำให้เขาไม่ได้ปล่อยตัวชั่วคราวถูกมั้ย

"อี้ แทนคุณ" : ที่ผ่านมามีผู้เสียหายเยอะ และ มี 6 สำนวน ในการสอบสวนต่างๆต้องใช้เวลามากสำนวนเยอะก็เลยเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาไม่ได้ปล่อยตัว

 

ทนายความชื่อดัง ออกมาตั้งข้อสังเกต 

 

"วราวิทย์"  พิธีกร ถามว่า  วิเคราะห์ข้อกฎหมาย การรวบรวมคนเพื่อสั่งไม่ฟ้องจะมีผลอย่างไรทางคดี 

"เดชา ทนายความ" กล่าวว่า คดีแชร์ลูกโซ่ มี 2 ข้อหา ข้อหาหลัก คือ พรก.กู้ยืมเงินประชาชน เป็น อาญาแผ่นดินยอมความไม่ได้ แต่หากกรณี ผู้เสียหายลดลงหรือกลับคำให้การอาจจะยกฟ้องได้  ซึ่งคดีแชร์ลูกโซ่ มีการยกฟ้องจำนวนมาก แต่หลายคดีไม่ได้ถูกนำเสนออาจกลายเป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่งไป  เพราะฉะนั้นสิ่งที่เขาทำน่าจะมีคนที่มีความรู้ทางกฎหมายแนะนำ ไม่เชื่อว่า"ประสิทธิ" จะคิดเองทำเอง เช่น ผู้เสียหายพันราย แต่มาแจ้งความดำเนินคดีแค่ร้อยคนก็จะทำให้น้ำหนักในคดีลดลงและมีผลต่อการสู้คดี  

 

"วราวิทย์" : พิธีกรถามว่า จะมีผลในแง่ของการปล่อยตัวชั่วคราว หรือไม่ 

"เดชา ทนายความ" กล่าวว่า  การขอปล่อยตัวชั่วคราว ถ้าดูจากหลักเกณฑ์การอนุญาติ เช่นคดีแชร์ลูกโซ่ หรือคดี พรก.กู้ยืมเงิน จะมีตัวการหลักหรือเครือข่าย หรือผู้เกี่ยวข้องแต่ไม่ใช่ตัวการหลัก ศาลอาจจะพิจารณาความเกี่ยวพันของคดีและปล่อยตัวไป  ซึ่งคนกลุ่มนี้มีการวงแผนที่จะโกงอยู่แล้ว  เป็นการไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งคิดเผื่อไว้ว่าหากกรณีเกิดปัญหาเขาจะทำอย่างไร เพราะมีทีมกฎหมายที่มีความรู้ ช่วยดูรูปคดี  ซึ่งคดีของ"ประสิทธิ์"มองว่าน่ากลัว เพราะเป็นผู้ต้องหาเป็นจำเลย และมีการจ้างนักกฎหมายไปขู่คนที่ออกมาฟ้องร้อง เป็นเรื่องน่ากลัว พฤติกรรมดูแปลก 

 

"วราวิทย์ พิธีกร" ถามว่า  ในมุมมองคิดว่าเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องอย่างไร 

"เดชา ทนายความ"  กล่าวว่า  ในฐานะเป็นทนายความมา  37 ปี  และไปว่าความที่ศาลอาญามาเยอะ การที่คนจะแหกคุกที่ศาลอาญาเป็นเรื่องยาก เพราะเป็นศาลใหญ่ตั้งแต่ด้านล่างมา เป็นเรื่องสลับซับซ้อน ส่วนการที่จะช่วยเหลือผู้ต้องหา หากกรณีที่เจ้าหน้าที่จะไปเกี่ยวข้อง ต้องไปตรวจสอบอายุราชการบำเหน็ญบำนาญ เพราะฉะนั้นค่าจ้างต้องสูงเพื่อให้ได้มากพอที่จะคุ้มกับความเสี่ยง เชื่อว่า "มีการจ่ายเงินไปแล้ว แต่เราไม่ต้องไปตรวจสอบบัญชีของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์หรือ เพราะไม่มีใครโง่เก็บเงินใส่บัญชี" ว่ามีเงินเข้ามาหรือไม่ ไม่มีหรือ แม้แต่นักการเมือง หรือพวกที่ทำธุรกิจสีเทาพวกนี้ ไม่ชี้แจงทรัพยสินเพราะเชื่อว่าหลักทรัพย์บ้านไม่อยู่เมืองไทยแน่นอน 

 

 

"วราวิทย์": ถามว่า ผู้เสียหายคาดหวังว่าหาก"ประสิทธิ์"ออกไปจะได้เงินคืน 

"เดชา ทนายความ": กล่าวว่า จำเลยในคดีฉ้อโกงประชาชน หรือ คนที่สูญเสียเงิน อยากได้เงินคืนเพราะเป็นเงินก้อนสุดท้ายของเขา ดังนั้น ผู้เสียหายย่อมอยากได้เงินคดี เพราะฉะนั้น หากมาบอกว่าจะได้เงินคืน กลุ่มผู้เสียหายก็อาจช่วย"ประสิทธิ์"ได้เพราะหวังจะได้เงิน ขอให้คำว่า "อดีตเคยโกง เคยหลอก และวันนี้ พรุ่งนี้ ย่อมทำเหมือนเดิม อดีตสะท้อนปัจจุบัน สะท้อนอนาคต "

 

"วราวิทย์" : ถามว่า ผู้ต้องขังมีสิทธิที่จะเขียนจดหมายหาใครและเจ้าหน้าที่เปิดดูบ้างหรือไม่

 

"เดชา ทหนายความ" กล่าวว่า เป็นเสรีภาพในการเขียนจดหมายหาใคร ในเรือนจำเปิดกว้าง ยกเว้น เข้าถึงอาวุธ ปืน ระเบิด  ยาเสพติด  ซึ่งจดหมายที่"ประสิทธิ์" เขียน อ่านแล้วเกี่ยวพันกับบุคคลอื่น หรือ แอบอ้างระดับอธิบดีไม่น่าปล่อยผ่านควรจะดำเนินคดี กรณีนี้เจ้าหน้าที่จะเกี่ยวหรือไม่ ขอไม่ฟังธงแต่ขอยกตัวอย่าง หากมีใครเอาเงิน และขอบคุณที่ดูแลญาติในเรือนจำพร้อมกับให้เงินจะมีกี่คนที่ไม่รับเงิน 

 

"วราวิทย์" : มีการสั่งการวางแผนในเรือนจำ ทำได้อย่างไร มีคนที่อยู่เบื้องหลัง เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์เกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ กระบวนการตรวจสอบคืบหน้าอย่างไร 
 

"ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์" เลขานุการ รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า จากที่สอบสวนของกรมราชทัณฑ์ รอผลตรวจสอบอยู่ แต่ที่ประเมิน พบว่า ในวันนั้นมี พัศดี เพียงแค่คนเดียวที่เหลือเป็นผู้ช่วยผู้คุม โดยวันเกิดเหตุมีผู้ต้องขังอีก 3 คนที่มาศาลด้วย และช่วงนี้คุณประสิทธิ์ จะมาศาลบ่อย อาจเป็นมูลเหตุจูงใจที่คิดอยากจะหลบหนี และเห็นช่องทางในการหลบหนีได้ โดยเฉพาะเรื่องของกุญแจ ได้หายไป อย่างละ 1 ดอก มีการตั้งข้อสังเกตว่าออกไปได้อย่างไร จึงมีการ
สอบถามเจ้าหน้าที่ เรือนจำพิเศษกรุงเทพ พบว่า ปกติ "ประสิทธิ์" จะพูดเก่ง แต่วันเกิดเหตุพูดน้อย หรือแทบจะไม่พูดเลย จึงคาดว่าน่าจะซุกซ่อนอะไรไว้ในปาก เพราะเป็นที่เดียวที่มีหน้ากากปิดไว้ 

 

"วราวิทย์" ถามว่า เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องหรือไม่ 

"ธนกฤต" ตอบว่า ยังไม่ได้กล่าวหาใคร เพราะเป็นเรื่องที่พนักงานสอบสวนอยู่ แต่ได้ตั้งข้อสังเกตว่าเจ้าหน้าที่ จะมีส่วนรู้เห็นหรือไม่ มีพัศดี เพียงแค่นายเดียว ดังนั้น หากจะเกิดเหตุใดจะพุ่งเป้าไปที่คนเดียว ซึ่งมองว่าเสี่ยงเกินไปที่จะวางแผนร่วมกับ"คุณประสิทธิ์" แต่ไม่ได้หมายความว่า พัศดีท่านนี้จะไม่บกพร่อง ซึ่งมีส่วนแน่นอน ที่ทำให้กุญแจหายไป ซึ่งได้ให้ DSI มาสอบเส้นทางการเงินด้วย 

 

"วราวิทย์": ถาม คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะถูกสอบเส้นทางการเงิน และเรื่องกุญแจ คาดว่าอมไว้ในปาก ถาม"คุณประสิทธิ์"หรือไม่  

"ธนกกฤต": ตอบ ได้ให้เจ้าหน้าที่ตั้งเป็นประเด็นการตรวจสอบด้วย ยังไม่ได้ข้อมูล และตอนนี้ถูกควบคุมตัวที่เรือนจำบางขวาง และ พบว่ามีกระดูกร้าวเล็กน้อย อยู่ระหว่างรักษาตัวถูกควบคุมตัวแยกขัง 

 

คลิป >>> ผ่าแผนลึก "คดีประสิทธิ์ เจียวก๊ก"