svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ORIGINAL

Did you know? ไม่ต้องมีหัวใจก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้

10 มกราคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ฟังดูเป็นเรื่องเหลือเชื่อแต่วิทยาการด้านการแพยท์ล้ำหน้าขึ้นทุกวัน จนตอนนี้แม้แต่อวัยวะที่สำคัญเป็นลำดับต้นของร่างกายอย่างหัวใจยังสามารถถอดเปลี่ยนได้ วันนี้เราจะพามาทำความรู้จักชายคนแรกในประวัติศาสตร์ที่สามารถมีชีวิตได้โดยปราศจากหัวใจ

          นับแต่อดีตเราต่างรู้กันดีว่าหัวใจถือเป็นหนึ่งในอวัยวะชิ้นสำคัญในร่างกาย คนเราต่างอาศัยสิ่งนี้ไว้ใช้ในการสูบฉีดโลหิตเพื่อสร้างชีพจร นำส่งสารอาหารและออกซิเจนเข้าไปหล่อเลี้ยงเพื่อดำรงชีวิต เมื่อเกิดความเสียหายหรือขัดข้องจนทำงานได้ไม่เป็นปกตินั่นอาจหมายถึงชีวิต

 

          แต่จะเป็นอย่างไรหากมีคนที่ปราศจากอวัยวะหัวใจแล้วยังสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
Did you know? ไม่ต้องมีหัวใจก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้ สู่อีกขั้นแห่งความล้ำหน้า เมื่อการแพทย์ทำให้คนเราไม่ต้องมีชีพจร
          ฟังดูน่ากลัวสักหน่อยแต่นี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงมานับสิบปี ตั้งแต่ปี 2011 สองนายแพทย์จากสถาบันหัวใจเท็กซัส ดร. บิลลี่ คอน และ ดร.บูส ฟาสิเออ ได้คิดค้นเครื่องมือขึ้นมาชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถใช้ทดแทนการสูบฉีดเลือดของผู้ป่วยแทนที่มีปัญหาด้านหัวใจ ให้สามารถใส่อุปกรณ์ชิ้นนี้เข้าทดแทนเพื่อดำรงชีวิตต่อไปได้

 

          อุปกรณ์ชิ้นนี้มีลักษณะหน้าตาคล้ายเปลือกหอยสองอันอยู่คู่กัน ทำหน้าที่สูบเลือดไปหล่อเลี้ยงร่างกายแบบที่หัวใจทำ โดยผ่านการทดลองกับลูกวัววัย 8 เดือนที่ทั้งสองทดลองถอดหัวใจของมันออก จากนั้นนำอุปกรณ์ชิ้นนี้ประกอบเข้าไปทดแทน ซึ่งช่วยให้ลูกวัวสามารถมีชีวิตต่อไปได้อย่างแข็งแรงและเติบโตขึ้นมาตามปกติสุข
Did you know? ไม่ต้องมีหัวใจก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้

          ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดให้ใช้อุปกรณ์ชิ้นนี้คือ นายเครก ลูอิส ผู้ป่วยโรคอะไมลอยโดซิส เป็นโรคหายากที่เกิดขึ้นเพียง 1 ใน 100,000 คนเท่านั้น เกิดจากความผิดปกติของร่างกายที่สร้างโปรตีนอะมีลอยด์มากเกินไปจนเข้าไปสะสมตามเนื้อเยื่อของอวัยะต่างๆ ทั้งตับ ไต ระบบทางเดินทางอาหาร ระบบประสาท จนถึงหัวใจ ทำให้อวัยวะล้มเหลวและเสียชีวิตในที่สุด

          อาการเจ็บป่วยกัดกินร่างของนายเครกเป็นเวลานานแต่ตัวเขายังไม่สิ้นหวัง ภรรยาของเขาติดต่อมายังสถาบันหัวใจเพื่อความหวังในการต่อชีวิตสามี แม้จะรู้ดีว่าอาการป่วยของเขาค่อนข้างเลวร้าย โดยหมอวินิฉัยว่าเขาสามารถมีชีวิตต่อไปได้เพียง 12 ชั่วโมง แต่ทั้งผู้ป่วยและครอบครัวต่างยินดีเดิมพัน กับการผ่าตัดใส่เครื่องหัวใจเทียมเพื่อยืดชีวิตของเขาออกไป

 

          นั่นทำให้นายแพทย์ทั้งสองเสนอเครื่องหัวใจเทียมชนิดใหม่นี้แก่ผู้ป่วย ด้วยคุณสมบัติด้านอายุการใช้งานที่ยาวนาน อีกทั้งสร้างผลกระทบต่อร่างกายน้อยกว่า และก็เป็นไปตามคาดการผ่าตัดประสบความสำเร็จ คนไข้สามารถเข้ากับหัวใจเทียมดวงใหม่ได้เป็นอย่างดีจนสามารถกลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง
Did you know? ไม่ต้องมีหัวใจก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้           หัวใจเทียมดวงใหม่ที่ติดตั้งสามารถสูบฉีดเลือดได้ต่อเนื่องจนคนไข้ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง มีสติรู้สึกตัวสามารถฟื้นขึ้นดำรงชีวิตภายในโรงพยาบาลได้ ข้อแตกต่างจากอย่างเดียวคือตัวเขาในยามนี้ไม่มีชีพจร เพราะปราศจากก้อนเนื้อไว้ใช้สูบฉีดแบบคนทั่วไป แต่แทนที่ด้วยโพลีเอสเตอร์และไฟเบอร์กลาสที่เคลือบด้วยซิลิโคนคอยหล่อเลี้ยงร่างกายแทน

 

          น่าเสียดายที่แม้ได้รับการปลูกถ่ายอุปกรณ์ชิ้นนี้เข้าไปก็ช่วยยืดอายุให้เขาได้ไม่นานนัก อาการป่วยจากโรคเรื้อรังทำให้ตับและไตของเขาล้มเหลวกลายเป็นสาเหตุเสียชีวิตในเวลาต่อมา หัวใจเทียมสามารถช่วยยืดชีวิตให้เขาออกไปได้เพียงเดือนเดียว แต่ในช่วงเวลาดังกล่าวนี่ก็เป็นหัวใจอันสมบูรณ์ที่สามารถทำหน้าที่ของมันได้อย่างไม่มีที่ติเช่นกัน

          จนวันนี้ เครก ลูอิส ยังเป็นคนไข้รายเดียวบนโลกที่มีโอกาสผ่าตัดหัวใจออกแล้วใส่อุปกรณ์ดังกล่าวเข้าไปแทน ทำให้เราไม่มีโอกาสได้รู้ว่าในระยะยาวหัวใจเทียมดังกล่าวจะมีประสิทธิภาพการทำงานหรือผลกระทบเกิดขึ้นกับร่างกายเพียงไร แต่มันช่วยยืดเวลาให้คนไข้มีชีวิตต่อไปได้น่าพอใจทีเดียว

 

          ความรู้จากการได้ผ่าตัดในครั้งนี้มีส่วนช่วยยกระดับ การผ่าตัดเครื่องหัวใจเทียม ของดร.บูส ฟาสิเออ ให้นำเครื่องมือเหล่านี้ไปช่วยชีวิตผู้อื่นได้นับพัน ช่วยผลักดันการสร้างหัวใจเทียมนำไปสู่รางวัลจาก สมาคมระหว่างประเทศเพื่อการปลูกถ่ายหัวใจและปอด ในปี 2014 รวมถึงรางวัลสูงสุดทางวิทยาศาสตร์การแพทย์จากสมาคมศัลยกรรมทรวงอกแห่งอเมริกาอีกด้วย

--------------------
ที่มา

logoline