
KEY
POINTS
ท่ามกลางความวุ่นวายทั้งในสนามและนอกสนาม ลิเวอร์พูลต้องเผชิญภารกิจสุดโหดที่ซาน ซิโร่ คืนวันอังคารนี้ เมื่อต้องบุกเยือนอินเตอร์ มิลาน ในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบลีกเฟส นัดที่ 6
“หงส์แดง” ซึ่งรั้งอันดับ 13 ของตารางรวม เก็บมา 9 แต้มจาก 5 นัดแรก ขณะที่ทีมงูใหญ่เพิ่งสะดุดแพ้เป็นครั้งแรกในเกมนัดที่ 5
ฤดูกาลยุโรปของ ลิเวอร์พูล เต็มไปด้วยอารมณ์สุดขั้ว ตั้งแต่เกมชนะคู่แค้นเรอัล มาดริด ไปจนถึงค่ำคืนอันเลวร้ายที่โดนพีเอสวี ไอนด์โฮเฟน บุกถล่มถึงแอนฟิลด์ 1-4 ซึ่งเป็นการทำลายสถิติไม่อยากจำที่ยืดยาวมาถึง 96 ปี
ความพ่ายแพ้ดังกล่าวทำให้ลิเวอร์พูลแพ้เกมในบ้านด้วยผลต่างอย่างน้อยสามประตูเป็นครั้งที่สามของฤดูกาล ถือเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นอีกครั้งตั้งแต่ซีซัน 1929-30 และทำให้ทีมหลุดจากตำแหน่งท็อป 8 ของตารางลีกเฟส
แม้ลิเวอร์พูลจะไร้พ่ายสามเกมติดต่อกันหลังเหตุการณ์นั้น แต่ฟอร์มก็ยังไม่น่าไว้วางใจ ชัยชนะเหนือเวสต์แฮม 2-0 ไม่ได้กลายเป็นจุดพลิกสถานการณ์อย่างที่คาด และตามมาด้วยผลเสมอน่าผิดหวังกับซันเดอร์แลนด์และลีดส์ ยูไนเต็ด
ความปั่นป่วนยิ่งทวีคูณ เมื่อในเกมเสมอ 3-3 กับลีดส์ ทีมมาโดนตีเสมอนาที 96 ก่อนที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซึ่งเป็นตัวสำรองที่ไม่ได้ถูกใช้งาน ออกมาระเบิดปัญหาเปิดใจว่ารู้สึกถูก “โยนความผิดให้” และความสัมพันธ์กับกุนซืออาร์เน่อ ชล็อต “ไม่หลงเหลืออีกแล้ว”
ขณะที่บอร์ดบริหารยังยืนข้างผู้จัดการทีมอย่างเหนียวแน่น ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่าเราอาจกำลังเห็นโค้งสุดท้ายของซาลาห์ในชุดหงส์แดง เพราะล่าสุดเจ้าตัวถูกตัดชื่อจากเกมนี้เป็นที่เรียบร้อย
อย่างไรก็ตามไม่ว่าซาลาห์จะยังอยู่กับทีมต่อหรือไม่ ลิเวอร์พูลยังต้องการชัยชนะเหนือทีมอิตาลีเป็นครั้งที่สี่ติดต่อกันในยุโรป แต่ด้วยฟอร์มที่แกว่งสุดขีด งานนี้ไม่ง่ายแน่นอน
ด้าน อินเตอร์ แม้เพิ่งแพ้แอตเลติโก มาดริด 1-2 จากประตูช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แต่ก็ไม่ใช่ความเสียขวัญแบบเดียวกับที่ลิเวอร์พูลเจอ พวกเขาทำผลงานร้อนแรงในยุโรปก่อนหน้านี้ ชนะคู่แข่งอย่างไครัต, ยูนิโอน แซง-ชิลลัวส์, สลาเวีย ปราก และอาแจ็กซ์ ตามฟอร์ม
ทีมของคริสเตียน คิวูยังรั้งอันดับ 4 ของตารางรวม มีแต้มเท่าบาเยิร์น, เรอัล มาดริด และปารีส แซงต์-แชร์กแมง ตามหลังอาร์เซน่อลเพียง 3 คะแนน
นอกจากนี้ อินเตอร์ยังเดินหน้าระเบิดฟอร์มในประเทศ ถล่มคู่แข่งรวม 11-1 ตลอดสามนัดหลังสุดในเซเรีย อา และโคปปา อิตาเลีย โดยเกมล่าสุดอัดโคโม 4-0 ชนิดเหนือชั้น
แม้ลิเวอร์พูลในยุคของเจอร์เก้น คล็อปป์เคยบุกชนะที่ซาน ซิโร่ 2-0 ในปี 2022 แต่สถิติปัจจุบันชี้ชัดว่าอินเตอร์แข็งแกร่งแบบสุดทาง พวกเขาชนะ 10 จาก 11 เกมล่าสุดในรอบแบ่งกลุ่ม/ลีก ต่อหน้าแฟนบอลตัวเอง และมีโอกาสสูงมากที่จะเพิ่มเป็น 11 จาก 12 นัด
ลิเวอร์พูล จะไม่มี โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ไม่ถูกใส่ชื่อเดินทางไปมิลาน ส่วน คอเนอร์ แบรดลีย์ กลับมาจากอาการเจ็บกล้ามเนื้อ แต่ เจเรมี ฟริมปง (แฮมสตริง) และ โจวานนี เลโอนี (เอ็นไขว้หน้า) ยังพักต่อไป ขณะที่ โคดี้ กัคโป, วาตารุ เอ็นโด และเฟเดริโก้ เคียซ่า ต่างไม่มีชื่อในทริปนี้เช่นกัน
โทษแบนของแบรดลีย์ในลีกไม่เกี่ยวกับยุโรป ทำให้เขาอาจได้ออกสตาร์ตที่แบ็กขวา และอาจทำให้โจ โกเมซ มีลุ้นเบียดอิบราฮิม่า โกนาเต้ ซึ่งกำลังฟอร์มตก ได้ลงตัวจริงคู่เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค
ด้าน อินเตอร์ มิลาน กุนซือเผยว่า มานูเอล อคานจี ป่วยและอาจชวดลงช่วยทีม ทำให้ ฟรานเชสโก อาแชร์บี มีลุ้นลงยืนแทน ส่วนผู้เล่นที่ลงไม่ได้แน่นอน ได้แก่ มัตเตโอ ดาร์เมียน (น่อง), เดนเซล ดุมฟรีส์ (ข้อเท้า), โทมัส ปาลาซิออส (แฮมสตริง) และ ราฟาเอลเล ดิ เจนนาโร ผู้รักษาประตูสำรอง (ข้อมือ)
ส่วนคีย์แมนอย่าง เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ซึ่งยิงประตูที่ 11 ของฤดูกาลในเกมถล่มโคโม และยิงในแชมเปียนส์ลีกเกมเหย้ามา 5 นัดติด จะจับคู่กับ มาร์คุส ตูราม เหมือนเดิม
-----
วันอังคารที่ 9 ธันวาคม 2025