
ศึกพรีเมียร์ลีกคืนวันพุธนี้ที่แอนฟิลด์ จะเป็นอีกบททดสอบสำคัญว่า ผลงานชนะเวสต์แฮม ยูไนเต็ด 2-0 เมื่อสุดสัปดาห์ของลิเวอร์พูล เป็นเพียงภาพลวงตาหรือสัญญาณการคืนฟอร์มอย่างแท้จริง เมื่อต้องต้อนรับ ซันเดอร์แลนด์ ทีมฟอร์มแรงที่กำลังมั่นใจสุดขีด
ทัพ “หงส์แดง” เพิ่งหยุดสถิติแพ้รวด 3 นัด ด้วยชัยชนะเหนือเวสต์แฮม 2-0 ซึ่งได้จากลูกยิงแรกในพรีเมียร์ลีกของอเล็กซานเดอร์ อิซัค และประตูปิดเกมของโคดี้ กัคโป ช่วยพาทีมกลับมามีความมั่นใจอีกครั้ง
การตัดสินใจดร็อป โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ไว้ที่ม้านั่งสำรองตลอด 90 นาที เป็นประเด็นใหญ่ที่ถูกพูดถึงไม่น้อย ขณะที่อาร์เน่อ ชล็อต ย้ำว่า สตาร์ทีมชาติอียิปต์ยังมีบทบาทสำคัญในทีม แต่เกมที่ลิเวอร์พูลทำได้ดีโดยไม่มีเขา ก็ทำให้เกิดคำถามว่าอนาคตของซาลาห์กับสโมสรจะเป็นเช่นไร
ในตารางคะแนน ลิเวอร์พูลอยู่ที่ 8 มี 21 คะแนน ตามหลังเชลซี (อันดับ 3) เพียง 3 แต้ม และห่างแมนฯ ซิตี้ (อันดับ 2) แค่ 4 แต้ม ขณะเดียวกันสถิติในแอนฟิลด์กับทีมเลื่อนชั้นก็ดูดีงาม เพราะชนะรวด 12 นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีก
ซันเดอร์แลนด์ของผู้จัดการทีม เรจิส เลอ บรีส์ กำลังเขียนหน้าใหม่ในประวัติศาสตร์สโมสร หลังเพิ่งพลิกนรกจากตามหลัง 0-2 กลับมาชนะบอร์นมัธ 3-2 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ทีมพลิกสถานการณ์จากสกอร์ตาม 2 ลูกในพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ หลังพยายามมาแล้วถึง 188 ครั้ง
ผลงานสุดดราม่านี้ช่วยหยุดสถิติไม่ชนะ 3 นัดติด พร้อมพาทีมขึ้นมารั้งอันดับ 6 เหนือ แมนฯ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, สเปอร์ส และนิวคาสเซิล โดยตามไบรท์ตัน (อันดับ 5) แค่ผลต่างประตูเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม สถิติเกมเยือนยังเป็นจุดอ่อน พวกเขายิงได้เพียง 3 ประตูในลีกนอกบ้าน แต่เกมรับถือว่าแข็งแกร่ง เพราะเสียเพียง 6 ลูกจากการออกไปเยือน ซึ่งดีเป็นอันดับต้น ๆ ของพรีเมียร์ลีก
ยิ่งไปกว่านั้น ซันเดอร์แลนด์ไม่เคยบุกชนะลิเวอร์พูลที่แอนฟิลด์ในพรีเมียร์ลีกมาก่อน ครั้งล่าสุดที่เก็บสามแต้มในรังหงส์แดงต้องย้อนกลับไปไกลถึงปี 1983 และทั้งคู่ไม่ได้เจอกันมาเกือบ 9 ปีแล้ว (ล่าสุดคือการเสมอ 2-2 ในปี 2017)
ความพร้อมของทั้งสองทีม
เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล สายตาทุกคู่จับจ้องว่า ซาลาห์ จะได้ลงตัวจริงหรือไม่ แต่คาดว่า ชล็อตจะยังคงชุดเดิมจากนัดก่อน หากโซโบซไลยังไม่มีอาการล้า โดยสามประสานแนวรุกอย่าง อิซัค-กัคโป-โฟลเรียน เวียร์ตซ์ ที่โชว์ฟอร์มเด่นในเกมที่ลอนดอน สเตเดียม น่าจะได้ออกสตาร์ตต่อ
ตำแหน่งฟูลแบ็กอาจมีการเปลี่ยนแปลง มิลอส เคอร์เคซ และโจ โกเมซ อาจถูกพัก โดยโกเมซยังไม่น่าจะพร้อมลงเล่นต่อเนื่องสองนัดติด ซึ่งอาจทำให้ เคอร์ติส โจนส์ ถูกโยกไปยืนแบ็กขวาอีกครั้ง
ส่วนตัวเจ็บ ลิเวอร์พูลหมดสิทธิ์ใช้งาน โจวานนี เลโอนี (เข่า), คอเนอร์ แบรดลีย์ และเจเรมี ฟริมพง (แฮมสตริง)
ด้าน ซันเดอร์แลนด์ ยังขาดนักเตะชุดเดิม ได้แก่ เดนนิส เคอร์คิน (ข้อมือ), ลีโอ เฮลเด้ (เอ็นร้อยหวาย), อาจิ อาเลเซ่ (ไหล่) และฮาบิบ ดิยาร์ร่า (โคนขาหนีบ) อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นชุดหลักคนอื่น ๆ ฟิตพร้อมเดินทางมาแอนฟิลด์
ไบรอัน บร็อบบีย์ ทำผลงานดีจากการลงเป็นสำรองและยิงได้ในนัดก่อน ทำให้มีโอกาสลุ้นออกสตาร์ตครั้งแรกของซีซัน หากเลอ บรีส์เลือกปรับระบบเพื่อเพิ่มมิติเกมรุก ขณะที่ ลุตชาเรล เกียร์ตราวด้า อาจถูกดันลงสนามแทน เชมสดีน ทัลบี เพื่อเพิ่มความเหนียวแน่นในแนวรับ
-----
คืนวันพุธที่ 3 ธันวาคม 2568