สรุปผล คัดบอลโลก โซนยุโรป : ฝรั่งเศส ซิวตั๋วรอบสุดท้าย โรนัลโด้ โดนใบแดงแรกในชีวิต
ทีมชาติฝรั่งเศส คว้าตั๋ว ฟุตบอลโลก 2026 สำเร็จ หลัง คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ยิง 2 ประตูพาทีมถล่มยูเครน 4-0 ด้าน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กัปตันทีมชาติโปรตุเกส โดนใบแดงแรกในอาชีพเกมทีมชาติ ในนัดที่ทีมพ่ายไอร์แลนด์ 0-2 ทำให้ต้องไปลุ้นเข้ารอบอัตโนมัติในนัดสุดท้าย
KEY
POINTS
- ทีมชาติฝรั่งเศสเอาชนะยูเครน 4-0 การันตีการผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2026
- คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้รับใบแดงโดยตรงเป็นครั้งแรกในการลงเล่นให้ทีมชาติโปรตุเกส
- ใบแดงของโรนัลโด้เกิดขึ้นในเกมที่โปรตุเกสบุกไปพ่ายให้กับไอร์แลนด์ 2-0 หลังจากการตรวจสอบ VAR
การแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนยุโรป เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา มีทั้งข่าวดีและข่าวช็อกเกิดขึ้นพร้อมกัน โดย ทีมชาติฝรั่งเศส คว้าตั๋วเข้ารอบได้สำเร็จ ขณะที่ ทีมชาติโปรตุเกส ต้องเจอความพ่ายแพ้ครั้งสำคัญ พร้อมกับการเสียสถิติของกัปตันทีม
เอ็มบัปเป้ นำฝรั่งเศสคว้าตั๋ว
"ตราไก่" ทีมชาติฝรั่งเศส รองแชมป์โลก 2022 การันตีการเข้ารอบสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2026 หลังเปิดบ้านถล่ม ยูเครน ไป 4-0 โดยได้ 2 ประตูจากกองหน้าซูเปอร์สตาร์ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ซึ่งเป็นประตูจากลูกจุดโทษในนาทีที่ 55 และการเข้าชาร์จจ่อๆ ในนาทีที่ 83 นอกจากนี้ยังได้ประตูจาก ไมเคิล โอลิเซ่ และ อูโก้ เอกิติเก้
ชัยชนะนัดนี้ทำให้ ฝรั่งเศส คว้าแชมป์กลุ่ม D ด้วยคะแนน 13 แต้ม ขณะที่ ยูเครน และ ไอซ์แลนด์ (7 แต้มเท่ากัน) ต้องไปแย่งชิงอันดับสองในนัดสุดท้าย
โรนัลโด้ โดนใบแดงครั้งแรกในเกมพ่ายไอร์แลนด์
สถานการณ์พลิกผันเกิดขึ้นในกลุ่ม F เมื่อ ทีมชาติโปรตุเกส จ่าฝูง บุกไปพ่าย ไอร์แลนด์ 2-0 ที่ดับลิน โดยเจ้าถิ่นได้ 2 ประตูจาก ทรอย แพร์ร็อตต์ ทั้งในช่วงต้นและท้ายครึ่งแรก แต่เหตุการณ์ที่น่าสนใจที่สุดคือการที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ถูกไล่ออกจากสนามในนาทีที่ 60 จากการชักศอกใส่ ดารา โอเชีย กองหลังไอร์แลนด์
ผู้ตัดสินในตอนแรกให้ใบเหลือง แต่เปลี่ยนเป็น ใบแดง หลังจากการตรวจสอบ VDO ช่วยเหลือผู้ตัดสิน (VAR) นับเป็น ใบแดงครั้งแรก ในการเล่นเกมทีมชาติของ โรนัลโด้ จากการลงสนาม 226 นัด
โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ โค้ชโปรตุเกส กล่าวว่า การตัดสินใบแดงครั้งนี้ดู "รุนแรงเกินไปหน่อย" (a bit harsh) ซึ่งจากการโดนใบแดง ทำให้ โรนัลโด้ จะถูกแบน 1 นัดในการเจอกับอาร์เมเนีย นัดสุดท้าย
โปรตุเกส (10 คะแนน) ต้องไปลุ้นเข้ารอบอัตโนมัติในนัดสุดท้าย โดยมี ฮังการี (8 คะแนน) ไล่ตามมาติดๆ
ฮาลันด์ ยิงเบิ้ล นอร์เวย์จ่อเข้ารอบ
ด้าน เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ กองหน้าเครื่องจักรสังหาร ก็ยังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยยิงคนเดียว 2 ประตู พาทีมชาติ นอร์เวย์ เปิดบ้านชนะ เอสโตเนีย 4-1 ทำให้ นอร์เวย์ จ่อคว้าตั๋วฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1998
ขณะที่ อิตาลี แชมป์โลก 4 สมัย ต้องอาศัยประตูในช่วงท้ายเกมบุกชนะ มอลโดวา 2-0 ทำให้ยังคงรั้งอันดับ 2 และมีโอกาสสูงที่จะต้องไปเล่นรอบเพลย์ออฟอีกครั้ง เนื่องจากตามหลัง นอร์เวย์ ถึง 3 คะแนน และมีผลต่างประตูได้เสียที่ด้อยกว่าอย่างมาก
อังกฤษ ยังคงไร้ที่ติ
ทีมชาติอังกฤษ ที่เข้ารอบไปก่อนแล้ว ยังคงทำสถิติชนะรวด 100% และไม่เสียประตู โดยเปิดบ้านชนะ เซอร์เบีย 2-0 ที่เวมบลีย์ ได้ประตูจาก บูคาโย่ ซาก้า และตัวสำรอง เอเบเรชี่ เอเซ่