สรุปดราม่า "ส.แบดมินตัน" vs "มิกซ์-หว่าหวา" ใครถูกใครผิด?
นาย อุดมศักดิ์ ชื่นครุฑ เลขาธิการสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ ได้แถลงข่าวชี้แจงกรณีที่ "มิกซ์" รัชพล มรรคศศิธร และ "หว่าหวา" นัทธมน ไล้สวน นักกีฬาคู่ผสมดีกรีแชมป์ประเทศไทย 2567 ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมในการคัดเลือกนักกีฬาชุดซีเกมส์ ครั้งที่ 33 โดยมีเนื้อหาสรุปการโต้แย้งจากทั้งสองฝ่ายที่น่าสนใจดังนี้:
ประเด็นที่ 1: การถูกให้ออกจากแคมป์ทีมชาติ
- สมาคมฯ ชี้แจง: นายอุดมศักดิ์ ยืนยันว่าข่าวนักกีฬาถูกไล่ออกในคืนวันได้แชมป์ประเทศไทย ไม่เป็นความจริง แต่แท้จริงแล้ว รัชพล ถูกประเมินจากสต๊าฟโค้ชว่า "ไม่ผ่านเกณฑ์" ในชุดคู่ผสมก่อนหน้าการแข่งขันชิงแชมป์ประเทศไทย 2-3 เดือน การแจ้งผลหลังการแข่งขันเป็นเพราะสมาคมฯ ไม่ต้องการให้นักกีฬามีความกังวลในช่วงเตรียมตัว
- นักกีฬาโต้แย้ง: รัชพล ยืนยันว่าตนเองถูกให้ออกจากประเภทคู่ผสมจริงในคืนวันเดียวกับที่ได้แชมป์ประเทศไทย ก่อนจะย้ายไปซ้อมในชุดชายคู่ต่อมาตามคำแนะนำของโค้ช
ประเด็นที่ 2: การไม่ติดทีมซีเกมส์ และกฎระเบียบ
- สมาคมฯ ชี้แจง: การคัดเลือกทีมซีเกมส์จำเป็นต้องตัดนักกีฬาจากชุดเก็บตัว 26 คน เหลือ 20 คน (ชาย 10, หญิง 10) ทำให้มี 6 คนต้องหลุดทีม และการคัดเลือกครั้งนี้จำเป็นต้องเน้นผู้เล่นระดับโลก (ท็อป 32) เพื่อสู้กับประเทศคู่แข่งอย่างมาเลเซียและอินโดนีเซียที่ส่งผู้เล่นระดับโลกมาแข่งขันซีเกมส์เช่นกัน
- นักกีฬาโต้แย้ง: รัชพล เชื่อว่าตนเองเข้าตามกฎเกณฑ์เดิมของปี 2567 ที่กำหนดให้ผู้ชนะเลิศรายการชิงแชมป์ประเทศไทย มีสิทธิ์ติดทีมชาติ การที่สมาคมฯ เลือกใช้กฎที่เน้นอันดับโลกหรือ "ดุลพินิจ" เหนือกฎระเบียบที่ตั้งไว้ ทำให้ตนเองรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม
ประเด็นที่ 3: ข้อเสนอเยียวยา และการยื่นโนติส
- สมาคมฯ ชี้แจง: สมาคมฯ ได้มีการเจรจาเยียวยานักกีฬาจริง แต่เงื่อนไขที่นักกีฬาเสนอนั้น "สูงเกินไป" สมาคมฯ ไม่สามารถให้ได้ ทางสมาคมฯ เสนอให้ รัชพล "ชาเลนจ์" พิสูจน์ตัวเองในการแข่งขันรายการหนึ่ง โดยหากเข้าถึงรอบ 8 ทีม สมาคมฯ ยินดีรับผิดชอบค่าใช้จ่าย แต่ถูกนักกีฬาตอบโต้ด้วยการยื่นโนติสผ่านทนายความ
- นักกีฬาโต้แย้ง: ข้อเสนอเยียวยาของตนคือขอให้สมาคมฯ ส่งไปแข่งขัน 15 รายการ เพื่อเก็บคะแนนอันดับโลก ซึ่งถูกลดเหลือ 12 รายการ แต่สมาคมฯ ก็ยังไม่สามารถให้ได้ รัชพลไม่ยอมรับข้อเสนอ "ชาเลนจ์" เพราะต้องการให้สมาคมฯ ส่งแข่งขันเพื่อพัฒนาทีมชาติตามวัตถุประสงค์หลัก
ส่วนประเด็น เบี้ยเลี้ยงนักกีฬา นายอุดมศักดิ์ ทิ้งท้ายว่า สมาคมฯ ยินดีให้มีการตั้งคณะกรรมการเข้ามาตรวจสอบเพื่อพิสูจน์ความโปร่งใส และยืนยันว่าสมาคมฯ ไม่เคย "อมเงิน" เบี้ยเลี้ยงนักกีฬา แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากการสื่อสารไม่ถูกต้อง และระเบียบการทดสอบสมรรถภาพร่างกายของ กกท.