
KEY
POINTS
การแข่งขันกอล์ฟประเภททีมรายการใหญ่ ไรเดอร์ คัพ (Ryder Cup) ประจำปีนี้ ปิดฉากลงอย่างเร้าใจ เมื่อ ทีมยุโรป สามารถยืนหยัดคว้าแชมป์ไว้ได้สำเร็จด้วยสกอร์รวม 15-13 เหนือทีม สหรัฐอเมริกา แม้ว่าฝ่ายเจ้าบ้านจะเปิดเกมรุกไล่ตามแบบดุเดือดในวันสุดท้ายก็ตาม
ชัยชนะครั้งนี้ของยุโรปเกิดขึ้นที่สนามเบธเพจ แบล็ก, นิวยอร์ก โดยถือเป็นการย้ำความยิ่งใหญ่ของยุโรปที่คว้าแชมป์ไปได้ถึง 11 ครั้ง จาก 14 ครั้งหลังสุด และเป็นการชนะในแผ่นดินสหรัฐฯ เป็นครั้งที่ 5 จาก 10 ครั้งล่าสุด
สิ่งที่สร้างความตื่นเต้นที่สุดในวันสุดท้ายคือการฮึดสู้ของทีมสหรัฐฯ ที่ตามหลังมากถึง 7 คะแนน ซึ่งถือเป็นสถิติการตามหลังที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ก่อนเริ่มการแข่งขันประเภทซิงเกิลแมตช์เพลย์ 12 คู่
จุดแตกหักเกิดขึ้นเมื่อ เชน โลว์รี (Shane Lowry) โปรชาวไอริช ซึ่งต้องเผชิญกับกองเชียร์เจ้าถิ่นที่ดุดันตลอดวัน ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยตามหลังอยู่ 2 หลุม ก่อนจะกลับมาเบอร์ดี้ 3 ใน 4 หลุมสุดท้าย และมาปิดด้วย พัตต์เบอร์ดี้ระยะ 6 ฟุต ในหลุมที่ 18 เอาชนะ รัสเซล เฮนลีย์ เพื่อคว้าครึ่งแต้มสำคัญที่ทีมยุโรปต้องการเพื่อคว้าแชมป์ ทำให้สกอร์ขาดลอย 15-13 ท่ามกลางอารมณ์ที่พุ่งพล่านของเขาและเพื่อนร่วมทีม
ก่อนหน้านี้ ไทเรลล์ แฮตตัน ซึ่งไม่แพ้ใครเลยตลอด 4 แมตช์ที่ลงเล่น ก็ทำได้ครึ่งแต้มจากการเสมอกับ คอลลิน โมริคาวะ จนทำให้คะแนนของยุโรปนำห่างเพียงพอ
ลุค โดนัลด์ กัปตันทีมยุโรป ซึ่งกลายเป็นกัปตันคนที่สองต่อจาก โทนี่ แจ็คกลิน ที่พาทีมคว้าแชมป์ได้สองสมัยติดต่อกัน กล่าวชื่นชมลูกทีมและยกย่องทีมสหรัฐฯ ที่สู้ได้อย่างสุดความสามารถ
"เราชนะ 1 แมตช์ในวันนี้ ลองคิดถึงโอกาสที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ดูสิ" โดนัลด์กล่าว "เรารู้ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่ง แต่ไม่คิดว่าจะแกร่งขนาดนี้ในวันอาทิตย์นี้ พวกเขาสู้สุดใจและผมเคารพพวกเขาอย่างเต็มที่"
ทางด้านทีมสหรัฐฯ แม้จะแพ้ แต่ก็ได้สร้างสถิติใหม่ด้วยการเก็บไปถึง 8.5 คะแนน จากการแข่งขันซิงเกิลแมตช์เพลย์ 12 คู่ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในการแข่งขันซิงเกิลแมตช์เพลย์ของศึกไรเดอร์ คัพ เลยทีเดียว โดยขาดเพียง 1 คะแนนครึ่งในการสร้างปาฏิหาริย์