พรีวิวชิงแชมป์สโมสรโลก: เชลซี ดวล เปแอสเช ชิงเจ้าบัลลังก์โลกลูกหนัง

ศึกชิงเจ้าแห่งโลกฟุตบอลได้เดินทางมาถึงบทสรุปแล้ว เมื่อ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ยอดทีมจากพรีเมียร์ลีกอังกฤษ เตรียมลงสนามปะทะกับ "เปแอสเช" ปารีส แซงต์-แชร์กแมง มหาอำนาจลูกหนังจากฝรั่งเศส และแชมป์ยุโรป ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก รอบชิงชนะเลิศ ในคืนวันอาทิตย์นี้ ณ รัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา หลังจากทั้งสองทีมต่างฝ่าฟันคู่แข่งสำคัญมาได้อย่างน่าประทับใจ

เส้นทางสู่รอบชิงชนะเลิศของเชลซี

ถือเป็นช่วงเวลาที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องสำหรับเชลซี ที่สามารถคว้าแชมป์ยุโรปรายการล่าสุด (คอนเฟอเรนซ์ ลีก) และการันตีโควตาแชมเปียนส์ลีกสำหรับฤดูกาลหน้าได้สำเร็จ ก่อนที่จะเดินทางมายังสหรัฐอเมริกา

ลูกทีมของ เอ็นโซ มาเรสกา ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในรายการนี้ โดยคว้าชัยชนะ 5 จาก 6 นัดที่ผ่านมา ก่อนเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ พวกเขาเอาชนะ ฟลูมิเนนเซ่ ทีมจากบราซิล 2-0 ในรอบรองชนะเลิศ โดยได้ประตูจาก ชูเอา เปโดร กองหน้าตัวใหม่ที่ยิงได้ทั้งสองครึ่ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาอาจเป็นจิ๊กซอว์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับแนวรุกของมาเรสกา

ก่อนหน้านี้ เชลซีสามารถเอาชนะ พัลไมรัส เพื่อนร่วมลีกบราซิลของฟลูมิเนนเซ่ในรอบก่อนรองชนะเลิศ และเอาชนะ เบนฟิก้า ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ถึงแม้จะจบอันดับสองในกลุ่ม D จากการแพ้ ฟลาเมงโก้ แต่เชลซีก็โชคดีที่เลี่ยงการเผชิญหน้ากับทีมยักษ์ใหญ่หลายทีมที่อยู่อีกสาย

ในฐานะแชมป์สโมสรโลกเมื่อปี 2022 เชลซีหวังจะปิดท้ายปีที่ไม่ค่อยคงที่นักด้วยการคว้าถ้วยรางวัลสองรายการ (คอนเฟอเรนซ์ ลีก และ คลับ เวิลด์ คัพ) ซึ่งจะเป็นบทสรุปที่น่าจดจำของฤดูกาลแรกของมาเรสกา

เปแอสเช: ล่าความยิ่งใหญ่ในฤดูกาลประวัติศาสตร์

ทางฝั่ง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง กำลังอยู่ในช่วงสร้างประวัติศาสตร์ให้กับสโมสร การคว้าแชมป์ฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพฉบับปรับปรุงใหม่นี้ จะเป็นการเติมเต็มฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมของพวกเขาได้อย่างงดงาม

นับตั้งแต่พลาดท่าให้กับ โบตาโฟโก้ ในรอบแบ่งกลุ่ม เปแอสเชก็ทำผลงานได้อย่างไร้ที่ติในเส้นทางสู่รอบชิงชนะเลิศ โดยเฉพาะการคว้าชัยชนะติดต่อกันเหนือ บาเยิร์น มิวนิค และ เรอัล มาดริด

ลูกทีมของ หลุยส์ เอ็นริเก้ เอาชนะ อินเตอร์ ไมอามี่ ได้อย่างสบายๆ ในรอบน็อกเอาต์รอบแรก ก่อนจะเก็บชัยชนะ 2-0 เหนือยักษ์ใหญ่จากเยอรมนีอย่างบาเยิร์น และต้อนแชมป์ยุโรป 15 สมัยอย่างเรอัล มาดริดในรอบรองชนะเลิศเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

เปแอสเชโชว์ฟอร์มได้อย่างเหนือชั้น โดยทำสถิติชนะติดต่อกันเป็นนัดที่สี่โดยไม่เสียประตู พวกเขาฉกฉวยความผิดพลาดของเรอัล มาดริดได้สองครั้ง จนขึ้นนำเร็ว 2-0 ก่อนที่ ฟาเบียน รุยซ์ จะยิงประตูที่สองได้อย่างเฉียบขาด ปิดเกมได้ตั้งแต่ก่อนพักครึ่ง และ กอนซาโล รามอส ตัวสำรอง ก็มายิงประตูตอกย้ำชัยชนะในช่วงท้ายเกม

ความเหนือชั้นเช่นนี้กลายเป็นเรื่องปกติสำหรับแชมป์จากฝรั่งเศสรายนี้ ที่เพิ่งถล่ม อินเตอร์ มิลาน 5-0 ในรอบชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกเมื่อไม่นานมานี้ และคว้าแชมป์เฟรนช์ คัพ ไปครองได้ก่อนหน้า

ภายใต้การนำของ หลุยส์ เอ็นริเก้ กุนซือผู้สร้างแรงบันดาลใจ ซึ่งเคยพาบาร์เซโลนาคว้าแชมป์คลับเวิลด์คัพมาแล้วในปี 2015 เปแอสเชในยุคที่ทำประตูได้อย่างถล่มทลายและมีระเบียบวินัยสูง กำลังถูกยกย่องเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม ยังมีเวลา 90 นาที (หรืออาจจะมากกว่านั้น) ที่คั่นกลางระหว่างเปแอสเช กับการคว้า 4 แชมป์อันน่าเหลือเชื่อ

ความพร้อมของทั้งสองทีม

เชลซี

ได้รับข่าวดีก่อนเกมนัดชิงชนะเลิศ เมื่อ มอยเซส ไคเซโด้ หายจากอาการบาดเจ็บข้อเท้าและกลับมาซ้อมเต็มรูปแบบได้แล้ว อย่างไรก็ตาม เอ็นโซ มาเรสกา อาจต้องขาด ดาริโอ เอสซูโก และ โรเมโอ ลาเวีย ยังคงมีปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ ส่วน เบอนัวต์ บาเดียชิลล์ ก็ยังต้องรอเช็กความฟิต และ โนนี่ มาดูเอเก้ จะไม่มีส่วนร่วมเนื่องจากมีข่าวเรื่องการย้ายทีมไปอาร์เซนอลอย่างหนัก ขณะที่ผู้เล่นใหม่อย่าง เจมี่ บายโน-กิทเทนส์ และ เอสเตเวา ไม่มีสิทธิ์ลงสนามในรายการนี้

อย่างไรก็ตาม มาเรสกาจะสามารถใช้งาน ลีวาย โคลวิลล์ และ เลียม ดีแลป ที่พ้นโทษแบนจากรอบรองชนะเลิศได้แล้ว การกลับมาของดีแลปจะเพิ่มการแข่งขันในตำแหน่งกองหน้า โดย ชูเอา เปโดร ยังคงเป็นตัวเต็งที่จะออกสตาร์ทหลังจากยิงสองประตูในนัดประเดิมสนามเต็มตัว

ปารีส แซงต์-แชร์กแมง

ลูกทีมของ หลุยส์ เอ็นริเก้ อาจจะไม่มีปัญหาเรื่องอาการบาดเจ็บของนักเตะ อย่างไรก็ตาม พวกเขาจะยังคงไม่มีคู่เซ็นเตอร์แบ็กอย่าง วิลเลียน ปาโช และ ลูกัส แอร์กน็องเดซ ซึ่งติดโทษแบนจากใบแดงในรอบก่อนรองชนะเลิศ

ลูกัส เบรัลโด้ จะยังคงลงเล่นแทนปาโชเคียงข้างกัปตันทีมจอมเก๋าอย่าง มาร์ควินญอส และมีแนวโน้มว่า 11 ตัวจริงจะไม่เปลี่ยนแปลงที่เม็ตไลฟ์ สเตเดียม อุสมาน เดมเบเล่ ผู้เข้าชิงบัลลงดอร์ เพิ่งได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงครั้งแรกในทัวร์นาเมนต์นี้ในเกมกับเรอัล มาดริด หลังจากอาการบาดเจ็บจำกัดการลงสนามของเขาในฐานะตัวสำรองเพียงสองนัด ดังนั้นเขาจึงน่าจะนำสามประสานแนวรุกที่คุ้นเคย

---

การปะทะกันระหว่างสองยักษ์ใหญ่แห่งยุโรปในค่ำคืนนี้ จะเป็นบทพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งและฟอร์มการเล่นของทั้งสองทีม ว่าใครจะได้ครองตำแหน่งสโมสรที่ดีที่สุดในโลก และสำหรับเปแอสเช นี่คือโอกาสทองในการสร้างสถิติคว้า 4 แชมป์อันน่าเหลือเชื่อ

โปรแกรมฟุตบอล ชิงแชมป์สโมสรโลก รอบชิงชนะเลิศ

• 02.00 น. เชลซี พบ เปแอสเช | ถ่ายทอดสดทาง DAZN, MonoMax และ Mono29