ฟุตบอล กัลโช่ เซเรีย อา ในคืนวันศุกร์นี้ (23 พ.ค.) เป็นการจัดโปรแกรมพิเศษเพื่อรองรับสถานการณ์การลุ้นแชมป์ที่เข้มข้นระหว่าง นาโปลี และ อินเตอร์ มิลาน ซึ่งมีแต้มต่างกันเพียง 1 คะแนนหลังผ่านไป 37 นัด โดยนาโปลีนำอยู่ที่ 79 คะแนน และอินเตอร์มี 78 คะแนน
หากนาโปลีแพ้ให้กับกายารี่ และอินเตอร์เสมอกับโคโม่ ทั้งสองทีมจะมี 79 คะแนนเท่ากัน และเนื่องจากผลการพบกันทั้งสองนัดจบลงด้วยการเสมอ 1-1 จึงไม่มีทีมใดได้เปรียบในเฮดทูเฮด ทำให้ต้องมีการแข่งขันเพลย์ออฟตัดสินแชมป์ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันจันทร์ที่ 26 พฤษภาคม
อินเตอร์ มิลาน มีโปรแกรมลงแข่งขันนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกกับปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในวันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม การเลื่อนโปรแกรมลีกมาเป็นวันศุกร์ (รวมถึงเกมเพลย์ออฟที่อาจจะเกิดขึ้นในวันจันทร์หน้า) จะช่วยให้ทีมมีเวลาพักและเตรียมตัวมากขึ้น
เจ้าของลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดอย่าง DAZN มีความต้องการให้การแข่งขันที่มีความสำคัญสูงสุดนี้จัดขึ้นในวันศุกร์ เพื่อให้สามารถโปรโมตและดึงดูดผู้ชมได้มากที่สุด
ทั้งสองแมตช์จะเริ่มแข่งขันพร้อมกัน เพื่อความยุติธรรมในการลุ้นแชมป์
หลังจากคว้าแชมป์ครั้งล่าสุดเมื่อสองปีก่อน ทีมของอันโตนิโอ คอนเต้ กำลังเดินหน้าไล่ล่าถ้วยสคูเด็ตโต้สมัยที่ 4 ในประวัติศาสตร์สโมสร (1986-87, 1989-90 และ 2022-23) โดยชัยชนะในเกมนี้จะการันตีแชมป์ทันทีโดยไม่ต้องสนใจผลอีกสนาม
นัดที่แล้วพวกเขาทำได้เพียงเสมอปาร์ม่า 0-0 แม้จะมีโอกาสทำประตูหลายครั้ง ขณะที่อินเตอร์ก็ทำได้แค่เสมอลาซิโอในบ้าน 2-2 ท่ามกลางดราม่า VAR
ผลงาน 6 นัดหลังสุดของนาโปลีนั้นถือว่าน่าพอใจ (ชนะ 4 เสมอ 2) เสียเพียง 2 ประตูเท่านั้น แม้จะขาดความไหลลื่นในเกมรุก แต่แนวรับกลับทำผลงานได้แข็งแกร่ง
คอนเต้อาจอยู่กับทีมเพียงปีเดียวจากความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับประธาน ออเรลิโอ เด ลอเรนติส แต่เขายังมีโอกาสพาทีมคว้าแชมป์กับสโมสรที่สามในอิตาลี ต่อจากยูเวนตุสและอินเตอร์
ตัวเลขน่าสนใจคือ หากนาโปลีได้แชมป์ จะกลายเป็นแชมป์เซเรีย อา ที่มีแต้มเฉลี่ยต่อเกมต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 1994-95 และเป็นทีมแรกที่คว้าแชมป์ได้หลังจบซีซั่นก่อนในอันดับต่ำถึงอันดับ 10
โรเมลู ลูกากู ผู้ยิงและแอสซิสต์ในนัดที่ถล่มกายารี่ 4-0 เมื่อเดือนกันยายน จะนำแนวรุกอีกครั้ง โดยมีสถิติทำ 9 ประตูหรือแอสซิสต์ในบ้านตลอดปี 2025 มากที่สุดในลีก
ฝั่ง “รอสโซบลู” เพิ่งการันตีการอยู่รอดในเซเรีย อา จากชัยชนะเหนือเวเนเซีย 3-0 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยโรแบร์โต้ พิคโคลี่ ยิงประตูที่ 10 ของตัวเองในลีกฤดูกาลนี้
ทีมของดาวิเด้ นิโกล่า เก็บได้ 36 แต้ม เท่ากับฤดูกาลก่อน และมีโอกาสจบอันดับ 14 หากเวโรนาไม่ชนะเกมสุดท้าย
แม้จะชนะเกมเยือนได้เพียง 3 นัดตลอดซีซั่น แต่เมื่อดูจากฟอร์มล่าสุดของนาโปลีที่เคยสะดุดกับทีมท้ายตาราง อาทิ เวเนเซีย, เจนัว และปาร์ม่า กายารี่จึงอาจกลายเป็นตัวสอดแทรกได้ในช่วงเวลาที่ไม่มีแรงกดดัน
---
“ซูเปอร์ซันเดย์” ของเซเรีย อา เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเต็มไปด้วยดราม่า เมื่อทั้งอินเตอร์และนาโปลีสะดุดพร้อมกัน ทำให้การลุ้นแชมป์ยังเปิดกว้างจนถึงเกมสุดท้าย
อินเตอร์มีโอกาสทองที่จะขึ้นนำตาราง แต่กลับทำได้เพียงเสมอ 2-2 กับลาซิโอในบ้าน ทั้งที่ขึ้นนำก่อนจากยานน์ บิสเซ็ก และมาได้ประตูนำอีกครั้งจากเดนเซล ดุมฟรีส์ ก่อนจะถูกตีเสมอจากจุดโทษในช่วงท้ายเกม หลัง VAR ชี้ว่าบิสเซ็กทำแฮนด์บอล
แม้ฟอร์มนอกบ้านหลังสุดจะไม่ดีนัก (ชนะเพียง 2 จาก 8 นัดหลังสุด) แต่สถิติการเจอกับโคโม่อยู่ฝั่งงูใหญ่เต็มตัว โดยชนะ 8 นัดติด รวมถึงเกมล่าสุดที่ชนะ 2-0 ที่ซาน ซิโร่ เมื่อเดือนธันวาคม
แม้จะสะดุดเสมอกับเวโรน่าเมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให้พลาดโอกาสชนะ 7 นัดรวดในลีก แต่โคโม่ก็ยังสร้างผลงานยอดเยี่ยมด้วยการยืนในอันดับท็อป 10 ได้สำเร็จในฤดูกาลแรกที่กลับมาเล่นบนลีกสูงสุดในรอบ 21 ปี
พวกเขารั้งอันดับ 10 มี 49 แต้ม นำโตริโน่และอูดิเนเซ่ถึง 5 แต้ม และยังมีโอกาสทำแต้มถึง 50 เหมือนเวโรน่าเมื่อปี 2014 ซึ่งเป็นทีมเลื่อนชั้นที่เคยสร้างสถิตินี้
เบื้องหลังความสำเร็จคือการสนับสนุนอย่างจริงจังของเจ้าของทีม และกุนซือไฟแรงอย่างเชสก์ ฟาเบรกาส ที่กำลังพาทีมวางรากฐานเพื่อความมั่นคงในอนาคต
โคโม่ชนะ 3 เกมเหย้าหลังสุด เสียเพียงประตูเดียว ดังนั้นพวกเขาอาจเป็นด่านสุดท้ายที่ขวางอินเตอร์ไม่ให้ป้องกันแชมป์สำเร็จ
อินเตอร์อาจคว้าชัยเหนือโคโม่ได้ตามเป้าหมาย แต่โชคชะตาแชมป์จะขึ้นอยู่กับผลการแข่งขันที่เนเปิลส์มากกว่า ด้าน นาโปลี มีโอกาสคว้าแชมป์เซเรีย อา หากสามารถเก็บสามแต้มในบ้านได้ตามเป้า และแม้จะมีรอยรั่วในเกมรุก แต่สถิติพบกันและแรงจูงใจคว้าแชมป์คืออาวุธสำคัญ ขณะที่กายารี่แม้ไม่มีความกดดัน แต่ก็อาจเป็นบททดสอบสุดท้ายที่ไม่ง่ายของเจ้าถิ่น อย่างไรก็ตามหลายฝ่ายยังเชื่อว่า นาโปลี อาจได้ฉลองต่อหน้าแฟนบอลในค่ำคืนประวัติศาสตร์นี้