เรอัล มาดริด ยิงสองประตูในช่วง 10 นาทีสุดท้ายที่เอติฮัด สเตเดี้ยม พลิกแซงเอาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-2 ในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบเพลย์ออฟ นัดแรก กุมความได้เปรียบก่อนกลับไปเล่นนัดที่สองที่สเปน
ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา พลาดโอกาสเก็บชัยชนะในบ้าน หลังขึ้นนำ 2-1 จนถึงนาทีที่ 86 ก่อนที่ อดีตแข้งเรือใบสีฟ้า บราฮิม ดิอาซ จะลงมาเป็นซูเปอร์ซับยิงตีเสมอ และปิดท้ายด้วยประตูชัยจาก จู๊ด เบลลิงแฮม ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ส่งให้มาดริดคว้าชัยสุดดราม่า
เออร์ลิง ฮาลันด์ ยิงให้ซิตี้ขึ้นนำถึงสองครั้ง โดยประตูแรกเกิดขึ้นในนาทีที่ 19 จากจังหวะซัดเข้าไปหลังจากเช็ก VAR นานเกือบ 4 นาที ก่อนที่ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ จะซัดวอลเลย์ตีเสมอให้มาดริดในนาทีที่ 60 อย่างไรก็ตาม ฮาลันด์ ซัดจุดโทษให้ซิตี้ขึ้นนำอีกครั้ง หลัง ฟิล โฟเด้น โดน ดานี่ เซบายอส ทำฟาวล์ในเขตโทษ
แต่แล้วช่วงท้ายเกม เรอัล มาดริด แสดงให้เห็นถึง DNA ของทีมแชมป์ยุโรป เมื่อ ดิอาซ และ เบลลิงแฮม ช่วยกันพังตาข่าย ส่งให้ทีมของ คาร์โล อันเชล็อตติ เป็นฝ่ายได้เปรียบในเกมเลกสองที่ซานติอาโก เบร์นาเบว
แมนฯ ซิตี้ มีโอกาสดีที่จะกุมความได้เปรียบ แต่พวกเขากลับพลาดในช่วงเวลาสำคัญ โดยเฉพาะจากความผิดพลาดของ เอแดร์ซอน ที่เปิดบอลไม่ดีจนเป็นที่มาของประตูตีเสมอของ ดิอาซ ขณะที่ประตูชัยของ เบลลิงแฮม มาจากจังหวะเสียบอลของ มาเตโอ โควาซิช ทำให้ วินิซิอุส จูเนียร์ ฉกบอลไปปั้นเกมจนเป็นประตูชัย
จากผลการแข่งขันนี้ ทำให้มาดริดเป็นต่อในการกลับไปเล่นที่บ้านตัวเอง ส่วนซิตี้ต้องเร่งแก้ปัญหาเรื่องฟอร์มที่ขาดความคงเส้นคงวา หากไม่อยากตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2012-13
ประตูแรกของฮาลันด์เกิดจากจังหวะที่ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล โหม่งชงให้ ก่อนที่ VAR จะใช้เวลาถึง 3 นาที 48 วินาที ตรวจสอบว่าฮาลันด์อยู่ในไลน์เดียวกับกวาร์ดิโอลหรือไม่ แม้ในที่สุดจะตัดสินให้เป็นประตู แต่ช่วงเวลาที่เสียไปทำให้นักเตะต้องยืนรอเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นจุดที่ อลัน เชียเรอร์ แสดงความคิดเห็นว่า "มันไม่เป็นผลดีต่อร่างกายของนักเตะเลย"
มาดริดเจอปัญหาในแนวรับมาตลอดฤดูกาล และแมตช์นี้พวกเขาก็เสียประตูจากการยืนตำแหน่งที่ผิดพลาดของแนวรับจำเป็น โดยเฉพาะ ออเรเลียง ชูอาเมนี่ และ ราอูล อเซนซิโอ ที่ไม่สามารถหยุดฮาแลนด์ได้เลย
ก่อนหน้านี้ อันเชล็อตติ เคยยอมรับว่าแนวรับของทีมอยู่ใน "ภาวะฉุกเฉิน" เนื่องจากผู้เล่นตัวหลักบาดเจ็บหลายราย ไม่ว่าจะเป็น ดานี่ การ์บาฆาล, เอแดร์ มิลิเตา, อันโตนิโอ รือดิเกอร์ และ ดาวิด อลาบา อย่างไรก็ตาม มาดริดยังสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้ ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความแข็งแกร่งของพวกเขา
คีลิยัน เอ็มบัปเป้ มีครึ่งฤดูกาลแรกที่ค่อนข้างลุ่มๆ ดอนๆ กับมาดริด แต่ช่วงหลังเขาเริ่มทำผลงานได้ดีขึ้น โดยเฉพาะการยิงประตูสำคัญในเกมใหญ่ อย่างเช่นเกมกับแอตเลติโก มาดริด เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และเกมนี้ที่เขาซัดลูกตีเสมอสุดสำคัญ
แม้ว่าจะมีโชคเล็กน้อยจากการที่บอลแฉลบหน้าแข้งเข้าประตู แต่จังหวะการเคลื่อนที่ของเขาในการหาพื้นที่ยังคงยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเขากำลังปรับตัวได้และกลายเป็นอาวุธสำคัญของมาดริด
"มันเกิดขึ้นหลายครั้งในฤดูกาลนี้ เราเล่นได้ดีในครึ่งหลังแต่พยายามบุกเร็วเกินไป และเมื่อคุณทำผิดพลาด มาดริดพร้อมลงโทษเสมอ ผมยอมรับว่ามันเป็นความผิดพลาดของทีมเราเอง" เป๊ป กวาร์ดิโอลา กุนซือ แมนฯ ซิตี้ กล่าว
"ผมคาดหวังว่าเกมจะออกมาแบบนี้ เราเล่นได้สมดุลและมีระเบียบวินัย ซึ่งเป็นสิ่งที่คนเคยสงสัยว่าเราทำได้ไหม แต่เราพิสูจน์แล้ว เราได้เปรียบเล็กน้อย และต้องเตรียมตัวให้ดีสำหรับเกมเลกสอง" คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือ เรอัล มาดริด กล่าว