svasdssvasds
เนชั่นทีวี

กีฬา

ย้อนเส้นทาง “มาซาทาดะ อิชิอิ” กว่าจะมาเป็น “กุนซือทีมชาติไทย”

29 มกราคม 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ย้อนเส้นทางของ “มาซาทาดะ อิชิอิ” กุนซือชาวญี่ปุ่นผู้เป็นความหวังใหม่ของ “ช้างศึก” ซึ่งต้องบอกว่าความสำเร็จในอาชีพของเขาทุกวันนี้ไม่ได้มาจากจังหวะหรือโชคช่วย แต่เป็นเพราะ “ประสบการณ์” ที่เจ้าตัวค่อยๆเก็บเกี่ยวมานานนับสิบปี

หลายคนได้มีโอกาสทำในสิ่งที่รัก บางครั้งก็ประสบความสำเร็จ
แต่ถึงวันที่ล้มเหลว บางคนกลับถอดใจ ด้วยมองไม่เห็นผลลัพธ์ที่ปลายทาง
แต่ยังมีบางคนที่ลุกขึ้นสู้ต่อ ค่อยๆสะสมประสบการณ์
ค่อยๆสร้างไปอย่างต่อเนื่อง แม้ยังไม่สำเร็จในวันนี้หรือพรุ่งนี้ก็ตาม

“มาซาทาดะ อิชิอิ” คือหนึ่งในนั้น เพราะเจ้าตัวค่อยๆเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในฐานะสตาฟฟ์โค้ชนานนับสิบปี รอโอกาสวันแล้ววันเล่ากระทั่งได้ก้าวขึ้นสู่การคุมทีมชุดใหญ่ และแม้ในวันที่ล้มเหลวก็ยังไม่ยอมแพ้ เปิดรับโอกาสที่เข้ามาใหม่จนกระทั่งกลับสู่เส้นทางการเป็นกุนซือได้อีกครั้ง จนสุดท้ายได้มากุมบังเหียน “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ในปัจจุบัน
 

  • รู้จักกับ "มาซาทาดะ อิชิอิ"

"มาซาทาดะ อิชิอิ" เกิดที่เมืองอิจิฮาระ จังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่น สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยจุนเต็นโด หลังจากเรียนจบ อิชิอิ ได้เข้าร่วมทีม เอ็นทีที คันโต แห่งเจแปน ซ็อคเกอร์ลีก ก่อนย้ายมาอยู่กับ ซูมิโตโมะ เมทัล (คาชิม่า แอนท์เลอร์ส ในปัจจุบัน) ในปี 1991

จากนั้นในปี 1992 เจแปน ซ็อคเกอร์ลีก ถูกยุบและเปลี่ยนชื่อมาเป็นเจลีก ในปี 1993 อิชิอิ ได้เป็นกำลังสำคัญในการช่วยต้นสังกัดคว้ารองแชมป์เจลีก พร้อมทั้งคว้าแชมป์ฟุตบอล เอ็มเพอเรอร์ส คัพ โดยเขาลงเล่นให้กับ คาชิม่า แอนท์เลอร์ส เป็นเวลา 7 ปี ลงสนามไป 109 นัด ยิงไป 3 ประตู อย่างไรก็ตามช่วงฤดูกาลท้ายๆเจ้าตัวเริ่มหลุดจากตำแหน่งตัวจริง จนต้องได้ย้ายไปหาโอกาสที่ อวิสปา ฟูกูโอกะ ในปี 1998 แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจแขวนสตั๊ดหลังจากจบฤดูกาลดังกล่าว ด้วยวัยเพียง 31 ปี

มาซาทาดะ อิชิอิ สมัยเล่นให้ คาชิม่า แอนท์เลอร์ส

  • จากนักเตะสู่โค้ช

หลังจากแขวนสตั๊ด "มาซาทาดะ อิชิอิ" เบนเข็มไปร่ำเรียนงานโค้ช ก่อนกลับมาเป็นโค้ชทีมเยาวชน (รวมถึงโค้ชฟิตเนสในเวลาต่อมา) ให้อดีตต้นสังกัด คาชิม่า แอนท์เลอร์ส ในปี 2002 เขาใช้เวลาอยู่ 10 ปีเต็มคลุกคลีกับตำแหน่งนี้ ค่อยๆเรียนรู้ศาสตร์การทำทีมจนเพิ่มพูน ก่อนก้าวขึ้นมาเป็นผู้ช่วยโค้ช ในปี 2012 และกลายเป็นกุนซือทีมชุดใหญ่ในปี 2015 หลังจาก โตนีนโย เซเรโซ่ กุนซือชาวบราซิลถูกปลดจากตำแหน่ง ทำให้ อิชิอิ กลายเป็นเฮดโค้ชชาวญี่ปุ่นคนแรกของสโมสรในรอบ 21 ปี  

อิชิอิ ประเดิมงานกุนซือได้อย่างยอดเยี่ยมตั้งแต่ปีแรก ด้วยการพาทีมคว้าแชมป์เจลีก ซึ่งนับเป็นแชมป์สมัยแรกในรอบ 6 ปีของสโมสร รวมถึงการเข้าชิงฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก หรือ FIFA Club World Cup 2016 และสร้างชื่อด้วยการยันเสมอ เรอัล มาดริด ที่มี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เป็นตัวชูโรง ได้ 2-2 ใน 90 นาที ก่อนจะไปแพ้ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 2-4 

“พวกเขา (แอนท์เลอร์ส) เป็นทีมที่วิ่งไม่มีหมด มีวินัย และมีระบบที่ดีเยี่ยม” ซีเนดีน ซีดาน กล่าวชมทีมของ อิชิอิ หลังจบเกม

อย่างไรก็ตามจากการที่สร้างมาตรฐานไว้สูงมากในซีซั่นแรก ทำให้เมื่อทีมมีผลงานที่ตกลงไปในปีถัดมา สถานการณ์จึงเกิดความกดดันอย่างหนักจนสุดท้ายเจ้าตัวต้องแยกทางกับ แอนท์เลอร์ส ในที่สุด

มาซาทาดะ อิชิอิ สมัยคุมทัพ แอนท์เลอร์ส ลุยศึกสโมสรโลก

แต่ อิชิอิ ก็ว่างงานได้ไม่นาน โดยในปี 2017 เขาได้รับตำแหน่งเข้าคุมทีม โอมิยะ อาร์ดิจา ช่วง 3 แมตช์สุดท้าย และทีมก็รู้ตัวอยู่แล้วว่าจะตกชั้นสู่ เจลีก 2 แน่ จึงเซ็นสัญญากับ อิชิอิ แต่เนิ่นๆ เพื่อเป้าหมายการคืนสู่ลีกสูงสุดให้ได้ อย่างไรก็ตามในปีถัดมา (2018) อิชิอิ พาทีมจบอันดับที่ 5 ของลีกเท่านั้น ไม่เพียงพอจะกลับไปสู่ลีกสูงสุด เขาจึงลาออกจากตำแหน่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อผลงาน

  • หรือนี่จะไม่ใช่เส้นทางของเรา?

เมื่อต้องก้าวลงจากเก้าอี้กุนซือถึง 2 สโมสรในระยะเวลาแค่ไม่กี่ปี จึงเป็นธรรมดาที่เจ้าตัวจะต้องกลับมาทบทวนว่า หรือตนเองจะไม่เหมาะกับอาชีพนี้จริงๆ

อิชิอิ หันหลังให้กับวงการลูกหนังชั่วคราว เพื่อไปพักสมองและจะได้มีเวลาทบทวนว่าตัวเองยังต้องการทำงานบนเส้นทางสายนี้จริงๆหรือไม่ รวมถึงอีกเหตุผลหนึ่งนั่นคือการไปให้เวลากับครอบครัว ด้วยการไปทำงานเป็นพนักงานในศูนย์อาหาร เพื่อที่จะให้มีเวลาทำงานและวันหยุดตรงกับลูกสาว โดยทำงานที่นั่นอยู่นานเป็นปี กระทั่งได้มีโอกาสชมการแข่งขันในศึก กัลโช่ เซเรีย อา  ตามคำชวนของรุ่นน้อง ก็ทำให้เจ้าตัวเริ่มอยากกลับมาทำงานเป็นกุนซืออีกครั้ง
 

  • ย้ายสู่ประเทศไทย

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2017 สมัยที่ อิชิอิ ยังคุมทัพ คาชิม่า แอนท์เลอร์ส เขาได้มีโอกาสพาทีมมาเล่นที่ประเทศไทย และได้มีโอกาสพบกับเจ้าของทีม สมุทรปราการ ซิตี้ และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่าย

ต่อมาในปี 2019 สมุทรปราการ ซิตี้ ได้โทรศัพท์ติดต่อไปยัง อิชิอิ ชักชวนให้กลับมาทำงานกุนซืออีกครั้ง ซึ่ง อิชิอิ มองว่า แม้จะไม่มีประสบการณ์ในการทำงานต่างแดนมาก่อน แต่เจ้าตัวก็อยากจะมีโอกาสได้สร้างทีมใหม่ในแนวทางที่เขาอยากให้เป็นโดยที่ไม่ต้องเผชิญกับความกดดันเหมือนการคุมทีมในเจลีก ด้วยเหตุนี้ อิชิอิ จึงตอบรับเข้ามาคุมทีม สมุทรปราการ ซิตี้ ในที่สุด

อิชิอิ กับการคุมทีมต่างแดนครั้งแรกในชีวิต ที่ สมุทรปราการ กับการคุมทัพ “เขี้ยวสมุทร” อิชิอิ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยพาทีมที่ไม่ได้มีซูเปอร์สตาร์ จบอันดับ 6 ของตารางในไทยลีก และยังยกระดับผู้เล่นในทีมจนก้าวขึ้นไปติดทีมชาติหลายราย อย่างไรก็ตามในซีซั่น 2020-21 สมุทรปราการ ซิตี้ ประสบปัญหาด้านการเงิน ทำให้ต้องปล่อยผู้เล่นไปหลายรายจนไม่สามารถรักษาผลงานของทีมไว้ได้ สุดท้ายทีมจึงจบอันดับ 13 ในเลกแรก

จังหวะเดียวกันนั้น “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ติดต่อ อิชิอิ ขอดึงตัวไปทำทีมในเลก 2 ซึ่งเจ้าตัวมองว่าการได้ทำทีมระดับท็อปของไทยแบบนี้ไม่ใช่โอกาสที่จะหาได้ง่ายๆ จึงตัดสินใจแยกทางกับ สมุทรปราการ ก่อนโยกไปคุมทีม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในที่สุด

ที่บุรีรัมย์ อิชิอิ ทำผลงานสมราคายอดกุนซือจากเจลีก ด้วยการพา "ปราสาทสายฟ้า" กวาด ทริปเปิ้ลแชมป์ทั้ง ไทยลีก , เอฟเอคัพ และ ลีกคัพ นอกจากนี้ยังคว้ารางวัล โค้ชยอดเยี่ยม จาก FA Awards 2021 และต่อมาในซีซั่น 2022-23 เขาก็ยังช่วยทีมคว้าทริปเปิ้ลแชมป์อีกครั้ง และเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ทีมแรกของไทยที่ซิวทริปเปิ้ลแชมป์ได้ 2 ปีติดต่อกัน

ต่อมาเมื่อเดือนสิงหาคมปีก่อน อิชิอิ ได้โอกาสมาหน้าที่ประธานเทคนิคทีมชาติไทย โดยมีรายงานว่าเตรียมจะได้เข้ามาเป็นกุนซือ “ช้างศึก” แทนที่ มาโน่ โพลกิ้ง แต่เมื่อจบศึก คิงส์คัพ ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลฯกลับตัดสินใจให้โอกาส มาโน่ คุมทีมต่อไป ทำให้ อิชิอิ ตัดสินใจลาออกและกลับญี่ปุ่นทันที 

อย่างไรก็ตาม เส้นทางของทั้ง อิชิอิ และ ทีมชาติไทย ก็กลับมาบรรจบกันอีกครั้ง เมื่อ ส.บอล ตัดสินใจแยกทางกับ มาโน่ หลังทำผลงานไม่ได้ตามเป้าในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก 2 แมตช์แรก และหวนกลับไปดึงตัว อิชิอิ มาเป็นกุนซือทีมชาติไทยในที่สุด

แน่นอนว่า อิชิอิ ต้องพบกับบททดสอบที่น่าจะหนักที่สุดในอาชีพกุนซือของตัวเอง เพราะเป้าหมายของทีมชาติไทยก็คือก้าวข้ามระดับอาเซียนสู่การเป็นทีมในระดับเอเชียให้ได้ ซึ่งรวมถึงเป้าหมายสูงสุดอย่างการคว้าตั๋วไปเล่นในศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายด้วย โดยแม้การคุมทีมนัดแรกจะพ่าย ญี่ปุ่น ถึง 0-5 แต่ก็ยังได้รับคำชมถึงการเล่นที่มีระบบชัดเจนกว่าเดิม

อิชิอิ กับการพา "ช้างศึก" ลุย เอเชียนคัพ อิชิอิ ยิ่งกลายเป็นขวัญใจแฟนบอลชาวไทยยิ่งกว่าเดิมอีกเมื่อเข้าสู่การแข่งขัน เอเชียนคัพ 2023 เมื่อประเดิมนัดแรกด้วยการเอาชนะ คีร์กีซสถาน ต่อด้วยการยันเสมอ โอมาน และ ซาอุดีอาระเบีย กลายเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ทีมชาติไทยจบรอบแบ่งกลุ่มด้วยการไม่แพ้ใครและไม่เสียแม้แต่ประตูเดียว พร้อมผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ

แต่เส้นทางของ อิชิอิ และทีมชาติไทย จะไปได้ไกลแค่ไหนนั้น รอลุ้นรอเชียร์กันได้ในการพบกับ อุซเบกิสถาน วันที่ 30 ม.ค.นี้

logoline