svasdssvasds
เนชั่นทีวี

กีฬา

"บอลยูโร & โอลิมปิกเกมส์" 2 รายการกีฬาใหญ่แห่งปี 2024

03 มกราคม 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ปี 2024 นี้ มีอีเวนต์กีฬาหลายรายการที่แฟนๆต่างเฝ้ารอ โดยเฉพาะ 2 รายการใหญ่ คือ "ฟุตบอลยูโร 2024" และ "โอลิมปิกเกมส์ 2024" ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของปีนี้

โดยในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ "ยูโร 2024" ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 17 ปีนี้จะจัดขึ้นที่ประเทศเยอรมนี ระหว่างวันที่ 14 มิ.ย.-14 ก.ค. 2567 ซึ่งเป็นทัวร์นาเมนต์ใหญ่รายการแรกที่ เยอรมนี มีโอกาสได้เป็นเจ้าภาพนับตั้งแต่การแข่งขันฟุตบอลโลกเมื่อปี 2006

สำหรับเจ้าภาพ เยอรมนี ประกาศสังเวียนฟาดแข้งไว้แล้วจำนวนทั้งสิ้น 10 สนาม ประกอบด้วย 

  • โอลิมเปีย สตาดิโอน, เบอร์ลิน
  • โฟล์คสปาร์ค สตาดิโอน, ฮัมบูร์ก
  • โคโลญจน์ สเตเดียม (ไรน์ เอเนอร์กี้ สตาดิโอน), โคโลญจน์
  • ดุสเซลดอร์ฟ อารีน่า (เมอร์คูร์ สปีล อารีน่า), ดุสเซลดอร์ฟ
  • บีวีบี สตาดิโอน ดอร์ทมุนด์ (ซิกนัล อิดูน่า พาร์ค), ดอร์ทมุนด์
  • ไลป์ซิก สเตเดียม (เร้ด บูลล์ อารีน่า), ไลป์ซิก 
  • มิวนิค ฟุตบอล อารีน่า (อัลลิอันซ์ อารีน่า), มิวนิค
  • แฟรงค์เฟิร์ต อารีน่า (ดอยช์ แบงก์ พาร์ค), แฟรงค์เฟิร์ต
  • อารีน่า เอาฟชาลเก้ (เฟ็ลทินส์-อารีน่า), เกลเซ่นเคียร์เช่น
  • สตุ๊ตการ์ท อารีน่า (เมอร์เซเดส-เบนซ์ อารีน่า), สตุ๊ตการ์ท

โดยการแข่งขันครั้งนี้ยังใช้ระบบเดียวกับ 2 ครั้งที่ผ่านมา มีทีมเข้าร่วมการแข่งขันทั้งสิ้น 24 ทีม แบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม รอบแรกแข่งขันแบบพบกันหมดในกลุ่ม ทีมแชมป์และรองแชมป์กลุ่มรวม 12 ทีม กับทีมอันดับ 3 ที่ดีที่สุดอีก 4 ทีม ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งจะแข่งกันแบบน็อกเอาต์ไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ

สนาม โอลิมเปีย สตาดิโอน กรุงเบอร์ลิน สังเวียนนัดชิงชนะเลิศ "ยูโร 2024"

ส่วนทีมที่เข้าร่วมแข่งขันรอบสุดท้ายนั้น เบื้องต้นการันตีเข้ารอบแล้ว 21 ทีม เหลือโควต้าอีก 3 ที่สำหรับผู้ชนะการเล่นเพลย์ออฟ ซึ่งผลการจับสลากแบ่งกลุ่มเมื่อเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปดังนี้

  • กลุ่มเอ : เยอรมนี สกอตแลนด์ ฮังการี สวิตเซอร์แลนด์
  • กลุ่มบี : สเปน โครเอเชีย อิตาลี แอลเบเนีย
  • กลุ่มซี : สโลวีเนีย เดนมาร์ก เซอร์เบีย อังกฤษ
  • กลุ่มดี : ผู้ชนะเพลย์ออฟสายเอ เนเธอร์แลนด์ ออสเตรีย ฝรั่งเศส
  • กลุ่มอี : เบลเยียม สโลวาเกีย โรมาเนีย ผู้ชนะเพลย์ออฟสายบี
  • กลุ่มเอฟ : ตุรกี ผู้ชนะเพลย์ออฟสายซี โปรตุเกส สาธารณรัฐเช็ก

ส่วนการเพลย์ออฟเพื่อชิงโควต้า 3 ที่สุดท้าย จะเตะรอบรองชนะเลิศวันที่ 21 มีนาคม และรอบชิงชนะเลิศของแต่ละสาย วันที่ 26 มีนาคม ซึ่งการประกบคู่รอบรองชนะเลิศ มีดังนี้ 

  • สายเอ : โปแลนด์ พบ เอสโตเนีย, เวลส์ พบ ฟินแลนด์
  • สายบี : อิสราเอล พบ ไอซ์แลนด์, บอสเนีย แอนด์ เฮอร์เซโกวินา พบ ยูเครน
  • สายซี : จอร์เจีย พบ ลักเซมเบิร์ก, กรีซ พบ คาซัคสถาน

สำหรับสถิติทีมที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในการแข่งขันรายการนี้ก็คือ "อินทรีเหล็ก" ทีมชาติเยอรมนี เจ้าภาพ ที่คว้าแชมป์มาแล้ว 3 สมัย (1972, 1980, 1996) และรองแชมป์อีก 3 ครั้ง (1976, 1992, 2008) รองลงมาคือ สเปน แชมป์ 3 สมัย, อิตาลี กับ ฝรั่งเศส แชมป์ 2 สมัยเท่ากัน
ทีมชาติอิตาลี แชมป์ ยูโร 2020

และหลังจากจบ ยูโร 2024 ได้ไม่ถึง 2 สัปดาห์ มหกรรมกีฬาโอลิมปิก ครั้งที่ 33 "ปารีส 2024" ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ก็จะเปิดฉากขึ้น โดยมีกำหนดแข่งกันระหว่างวันที่ 26 ก.ค.-11 ส.ค.2567 ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 3 แล้วที่ ฝรั่งเศส ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพ ต่อจากโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 2 เมื่อปี 1900 และโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 8 เมื่อปี 1924 นับเป็นเมืองที่ 2 ของโลกที่ได้จัดโอลิมปิกเกมส์ถึง 3 ครั้ง ต่อจากกรุงลอนดอน ของอังกฤษ 

สำหรับการแข่งขันครั้งนี้ จะมีการชิงชัยกันทั้งสิ้น 329 เหรียญทองจาก 32 ชนิดกีฬา โดยมี 4 กีฬาที่ได้รับการบรรจุเข้ามาเป็นครั้งแรก ประกอบไปด้วย เบรกกิ้ง, ปีนหน้าผา, สเก็ตบอร์ด และกระดานโต้คลื่น โดยจะมีนักกีฬาราว 10,500 คน จาก 206 ประเทศ เข้าร่วมการแข่งขัน

สำหรับโอลิมปิกเกมส์ 32 ครั้งที่ผ่านมา ชาติที่ครองเจ้าเหรียญทองสูงสุดก็คือ สหรัฐอเมริกา ที่ได้ไป 18 ครั้ง รองลงมาเป็น สหภาพโซเวียต 6 ครั้ง ส่วน ฝรั่งเศส, สหราชอาณาจักร, เยอรมนี, จีน และชาติที่เป็นอดีตสหภาพโซเวียต (รวมตัวแข่งเฉพาะกิจเมื่อปี 1992) ครองเจ้าเหรียญทองไปชาติละ 1 ครั้ง
สหรัฐอเมริกา ชาติที่คว้าเจ้าเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์สูงสุด 18 สมัย
สำหรับนักกีฬาไทย จากอดีตจนถึงปัจจุบัน เคยคว้าเหรียญรางวัลจากการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์มาแล้วทั้งสิ้น 10 เหรียญทอง 8 เหรียญเงิน 17 เหรียญทองแดง จาก 3 ชนิดกีฬา คือ มวยสากลสมัครเล่น, ยกน้ำหนัก และ เทควันโด

ส่วนการแข่งขันครั้งนี้ ล่าสุดมีนักกีฬาไทยคว้าตั๋วลุย ปารีสเกมส์ ได้แล้ว 16 คน ประกอบด้วย

  1. โกเมธ สุขประเสริฐ (จักรยาน)
  2. ธันยากร พฤกษากร (ยิงปืน)
  3. ธิติสรรณ์ ปั้นโหมด (มวยสากล)
  4. จุฑามาศ รักสัตย์ (มวยสากล)
  5. ธนัญญา สมนึก (มวยสากล)
  6. จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง (มวยสากล)
  7. ภูริช โยเฮือง (ปัญจกีฬา)
  8. เบญญาภา จันทวรรณ (ไคท์บอร์ด)
  9. โจเซฟ โจนาธาน เวสตัน (ไคท์บอร์ด)
  10. จักรยาน ประเภทถนน การันตีโควต้า 3 คน
  11. พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ (เทควันโด)
  12. โซเฟีย เกล มอนโกเมอรี่ (เรือใบ)
  13. อธิษฐ์ มิเคล โรมานิค (เรือใบ)
  14. ชนกภรณ์ การุณยธัช (ขี่ม้า)

และในช่วง 7 เดือนก่อนถึงการแข่งขัน ทัพนักกีฬาไทยยังคงมีโอกาสคว้าตั๋วโอลิมปิกเกมส์เพิ่มได้มากกว่านี้ ซึ่ง การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ตั้งเป้าว่าจะต้องได้มากกว่าหนก่อน ที่ทำได้ 37 โควต้า (42 คน) ด้วยกัน

โดยโควต้าที่ยังเหลือได้ลุ้นของทัพนักกีฬาไทย ยังมีอีกหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็น มวยสากล ที่มีศึกเวิลด์ควอลิฟาย อีก 2 ครั้ง, เทควันโด กับ แบดมินตัน ที่ยังมีทัวร์นาเมนต์เก็บคะแนนอีกหลายรายการ

ด้าน ยกน้ำหนัก หลังจากโอลิมปิกเกมส์หนล่าสุดไม่ได้เข้าร่วมเพราะอยู่ในช่วงที่โดนลงโทษแบนอยู่นั้น ตอนนี้ยังเหลือให้เก็บคะแนนอีก 2 รายการคือชิงแชมป์เอเชียที่อุซเบกิสถาน และ เวิลด์คัพ 2024 ที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งจอมพลังไทยหวังจะคว้าได้ครบ 6 โควต้าเต็มๆ

นอกจากนี้ยังมีโควต้าอื่นๆ เช่น ว่ายน้ำ จาก เจนจิรา ศรีสะอาด, กรีฑา จาก “บิว” ภูริพล บุญสอน, เทเบิลเทนนิส จาก “หญิง” สุธาสินี เสวตรบุตร และ “ทิพย์” อรวรรณ พาระนัง, ยิงเป้าบิน, ยูโด, วินด์เซิร์ฟ, เรือพาย, เทนนิส, เทควันโด, กอล์ฟ หรือยิงธนู ก็ยังอยู่ในข่ายที่มีโอกาสลุ้นคว้าโควต้าเพิ่มได้ เช่นเดียวกับกีฬาประเภททีมอย่างวอลเลย์บอลหญิง และ ฟุตบอลชาย ที่ยังมีลุ้นพอสมควร

รอเชียร์ผลงานของนักกีฬาไทยกันได้ตลอดครึ่งปีนี้

"เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ เจ้าของเหรียญทองครั้งที่แล้ว และเป็นความหวังสูงสุดของไทยในโอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้

logoline