svasdssvasds
เนชั่นทีวี

กีฬา

"ซาอุดิ โปร ลีก" กับปัญหาที่ดาวดังก็ยังช่วยไม่ได้

สร้างความฮือฮามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงกลางปี กับ "ซาอุดิ โปร ลีก" ลีกลูกหนังในแดนทะเลทราย ที่ทุ่มเงินคว้าตัวซูเปอร์สตาร์ระดับโลกไปค้าแข้งที่นั่นเป็นว่าเล่น แต่เวลาผ่านไปกลับยังไม่สามารถปลุกกระแสได้สำเร็จ ปัญหาที่นั่นคืออะไร?

ช่วงขวบปีที่ผ่านมา ฟุตบอลลีกของซาอุดิอาระเบีย หรือ “ซาอุดิ โปร ลีก” ถูกจับตามองมากขึ้นเรื่อยๆ หลังการคว้าตัวซูเปอร์สตาร์ระดับโลกไปเล่นที่นั่นนับสิบราย นำโดย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวเตะระดับตำนานชาวโปรตุเกส ที่เซ็นสัญญากับ อัล นาสเซอร์ ในเดือนมกราคม จากนั้นตามมาด้วยการทุ่มไม่อั้นในช่วงซัมเมอร์ โดยสโมสรในซาอุดิอาระเบียใช้เงินไปมากกว่า 750 ล้านปอนด์ กับการคว้าตัวดาวดังอย่าง เนย์มาร์, ริยาด มาห์เรซ, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน หรือ ฟาบินโญ่

การทุ่มเงินซื้อสตาร์ดังกล่าว ทำให้หลายคนเชื่อมั่นว่า ลีกลูกหนังซาอุฯอาจจะก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในลีกฟุตบอลที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆของโลกได้

อย่างไรก็ตามในความเป็นจริง แม้จะมีแฟนบอลคอยติดตามข่าวสารจากลีกนี้มากขึ้น แต่ดูเหมือนว่าคอลูกหนังในซาอุฯเองกลับไม่ได้ “อิน” กับการมาของเหล่าซูเปอร์สตาร์ทั้งหลายแต่อย่างใด

เมื่อเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มีแฟนบอลเพียงเพียง 696 คน ที่ซื้อตั๋วเข้าไปชมเกมที่ อัล เอตติฟัค ของสตีเว่น เจอร์ราร์ด  แพ้ อัล ริยาดห์ 1-0 ขณะเดียวกัน เกมระหว่าง อัล-อัคดูด ที่เผชิญหน้ากับอัล-ไฟฮา ก็มีแฟนบอลเพียง 792 คน ด้านเกมระหว่าง อัล ฮาซม์ ที่พบกับ อัล ราอิด ก็มีแฟนบอลเข้าสนามเพียง 532 คนเท่านั้น

ส่วนเกมที่มีแฟนบอลสูงสุดในช่วงสัปดาห์ดังกล่าว คือเกมที่ อัล อาห์ลี เปิดบ้านพบ อัล เวห์ด้า ที่มีแฟนบอลเข้าสนามไป 16,919 คน ตามมาด้วยเกมที่ อัล นาสเซอร์ ลงสนามพบกับ ดามัค เอฟซี ที่มีแฟนบอล 16,875 คน

อัล นาสเซอร์ หนึ่งในไม่กี่ทีมของลีกซาอุฯที่มีแฟนบอลเข้าสนามหลักหมื่นคน

เมื่อเปรียบเทียบกัน มีแฟนบอลที่เข้าไปดูการแข่งขันระหว่างแบรดฟอร์ด ซิตี้ กับ เร็กซ์แฮม ในลีกทู (ดิวิชั่น 4 ของอังกฤษซึ่งแข่งในช่วงเวลาเดียวกัน มีจำนวนถึง 21,552 คน ขณะที่ในลีกวัน สถิติสูงสุดคือเกมที่ มิดเดิ้ลสโบรห์เอาชนะเบอร์มิงแฮม ที่มีแฟนบอล 28,449 คน มากกว่าเกมลีกซาอุฯทุกเกม

เมื่อดูจากจำนวนแฟนบอลเฉลี่ยของแต่ละทีม สโมสรยักษ์ใหญ่อย่าง อัล อิตติฮัด ที่มีทั้ง เอ็นโกโล่ ก็องเต้, ฟาบินโญ่ และคาริม เบนเซม่า อยู่ในทีม แต่ก็มีแฟนบอลเฉลี่ยสูงสุดในลีก เพียงแค่ 29,044 คน ส่วนอีก 3 ทีมที่อยู่ในกลุ่ม 'บิ๊กโฟร์' หรือเป็นทีมที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ ก็มีแฟนบอลเฉลี่ยไม่ได้ต่างกันมากมาย โดย อัล ฮิลาล เป็นอันดับสองอยู่ที่ 22,381 คน, อัล นาสเซอร์ (20,615 คน) และอัล อาห์ลี (19,296) ตามลำดับ

และทั้งหมดนั้นเป็นเพียงสี่สโมสรเท่านั้นที่มีแฟนบอลเฉลี่ยถึงหลักหมื่น โดย อัล เอตติฟัค ของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน มีแฟนบอลเฉลี่ยเพียง 7,021 คน น้อยกว่าค่าเฉลี่ยของ เชสเตอร์ฟิลด์ ทีมระดับดิวิชั่น 5 ของอังกฤษเสียอีก

สำหรับเกมที่มีผู้ชมมากที่สุด เป็นเกมที่ อัล ฮิลาล เสมอกับ อัล ไฟฮา 1-1 ในนัดเปิดสนาม ที่มีแฟนบอล 59,000 คน ส่วนเกมที่มีแฟนบอลน้อยที่สุดคือเกมที่ อัล อัคห์ดูด ชนะ อัล ริยาดห์ 1-0 ที่มีแฟนบอล “133 คน” 

คาริม เบนเซม่า กับการลงเล่นในสนามที่เห็นเก้าอี้มากกว่าแฟนบอล

หรืออาจกล่าวโดยสรุปก็คือ เมื่อไม่มีซูเปอร์สตาร์ระดับโลกเข้ามาเกี่ยวข้องกับการแข่งขันเกมนั้นๆ แฟนบอลก็ไม่ต้องการที่จะเข้าสนามกันเลย 

ปฏิเสธไม่ได้ว่า "แฟนบอล" เป็นอาวุธสำคัญสำหรับสโมสร โดยเหล่าผู้เล่นมักจะเน้นย้ำถึงพลังและกำลังใจที่พวกเขาได้รับจากแฟนๆ อยู่เสมอ การขาดการสนับสนุนของแฟนบอลในซาอุดีอาระเบียทำให้ปฏิเสธไม่ได้ว่า มันมีแนวโน้มที่จะทำให้ผู้เล่นรู้สึกมีแรงจูงใจน้อยลงในการเล่น และส่งผลตามมาต่อคุณภาพของเกม

หาก ซาอุดิ โปร ลีก ต้องการก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในลีกฟุตบอลชั้นนำของโลกจริงๆ พวกเขาต้องเร่งค้นหาวิธีแก้ปัญหานี้โดยเร็ว เพราะหากปล่อยเวลาให้เนิ่นนานไป เหล่านักเตะที่เพิ่งย้ายมาจากยุโรปก็จะค่อยๆทยอยกลับไป เนื่องจากรู้สึกไม่มีแรงบันดาลใจที่จะทุ่มเทอย่างเต็มที่ในสนาม

คุณภาพของเกมก็ต้องยกระดับขึ้นเช่นกัน ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นการแข่งขันของ 4 ทีมเงินหนาของลีก และทีมระดับรองลงไปก็ต้องรีบผลักดันตัวเองขึ้นมาเพื่อให้การแข่งขันสูสี และสามารถดึงดูดแฟนบอลมากขึ้น

เนื่องจากการลงทุนด้านฟุตบอลของซาอุดิอาระเบียเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหม่ จึงมีความหวังว่ากลยุทธ์การมีส่วนร่วมของแฟนๆ จะเริ่มเฟื่องฟูเมื่อเวลาผ่านไป แต่หากพวกเขายังทำไม่สำเร็จ ก็อาจจะถึงคราวล่มสลายเหมือนลีกจีนในปัจจุบัน

ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น กระแสของการแข่งขันฟุตบอลโลก 2034 ที่ซาอุฯเป็นเจ้าภาพ ก็คงช่วยไม่ได้