ช็อกความรู้สึกสำหรับแฟนบอลพอสมควร หลังจาก "ลิเวอร์พูล" ทำได้แค่เสมอกับทีมน้องใหม่อย่าง ลูตัน ทาวน์ 1-1 ชนิดได้ประตูแบ่งแต้มในช่วงท้ายเกม และนี่คือ 4 ประเด็นที่น่าสนใจจากเกมนี้
1. โจ โกเมซ สอบตกกับตำแหน่งแบ็กซ้าย
หากดูการจัดทัพของ เจอร์เก้น คล็อปป์ นัดนี้ส่งผู้เล่นตัวหลักลงสนามเต็มพิกัด แต่ที่น่าสนใจคือการโยกเอา โจ โกเมซ ที่เป็นเซ็นเตอร์แบ็กถนัดเท้าขวา มาเล่นในตำแหน่งแบ็กซ้าย แทนที่จะเป็นคอสตาส ซิมิกาส
คาดว่าการจัดทัพแบบนี้ก็เพื่อจัดการกับแนวรุกที่มีความคล่องตัวสูง อย่าง แอนดรอส ทาวน์เซ่น รวมถึงอาจคาดการณ์ได้ว่าจะต้องรับมือกับการโจมตีกลางอากาศของคู่แข่ง
อย่างไรก็ตามการปรับตำแหน่งดังกล่าวอาจกลายเป็นการทำลายเกมบุกของ ลิเวอร์พูล เพราะแม้เกมรับ โกเมซ จะไม่ได้ก่อความผิดพลาดแบบชัดเจน แต่เกมรุกต้องถือว่าทำผลงานต่ำกว่ามาตรฐานที่เจ้าของตำแหน่งเดิมอย่าง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน รวมถึง คอสตาส ซิมิกาส สร้างไว้อยู่มาก ทั้งที่ "หงส์แดง" ครองบอลมากกว่า 74% โดยจะเห็นได้ว่าตลอดทั้งเกมแทบไม่มีการเปิดบอลจากริมเส้นฝั่งซ้ายเลย เนื่องจาก โกเมซ ถนัดเท้าขวา เมื่อต้องมาเล่นในฝั่งที่ไม่ถนัดจึงถูกปิดเส้นทางจ่ายบอลได้ง่าย
2. โดมินิค โซโบสไล กับเกมที่แย่ที่สุดในสีเสื้อหงส์แดง
ดาวเตะชาวฮังกาเรียนรายนี้กลายเป็นที่จับตามองนับตั้งแต่ย้ายมาจากแอร์เบ ไลป์ซิกในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา และเจ้าตัวก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมมาตลอดจนแฟนบอลยกให้เป็นการเซ็นสัญญาแห่งฤดูกาลนี้ไปแล้ว
อย่างไรก็ตามในเกมนี้ ลูตัน วางแท็กติกรับมือกับ โซโบสไล ได้อย่างยอดเยี่ยม จนทำให้เจ้าตัวมีโอกาสจ่ายบอลน้อยลงอย่างมาก โดยมีจังหวะจ่ายบอลเพื่อสร้างโอกาสสำคัญ หรือที่เรียกว่า key pass ได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น จากปกติที่จะทำได้เฉลี่ย 4 ครั้งต่อเกม
คงต้องเป็นการบ้านที่ เจอร์เก้น คล้อปป์ ต้องหาทางแก้กันต่อไปว่าหากดาวเตะรายนี้เล่นไม่ออกจะปรับแท็กติกกันอย่างไร
3. ไม่ใช่วันของ ดาร์วิน นูนเญซ
หลังจากยิงประตูได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงลูกยิงสุดสวยในเกมที่พบกับ บอร์นมัธ ในศึกคาราบาวคัพเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายคนจึงเชื่อว่าเกมนี้ นูนเญซ น่าจะระเบิดฟอร์มได้อีกครั้ง
แต่สุดท้ายแล้วไม่เป็นอย่างนั้น โดยเจ้าตัวมีโอกาสยิงเกือบ 10 ครั้งแต่ไม่เป็นประตู (ตรงกรอบแค่ 3 ครั้ง) ที่ถูกจดจำมากที่สุดก็คือการยิงจ่อๆระยะแค่ 3 หลาข้ามคานอย่างเหลือเชื่อ
นี่คือจุดที่ดาวยิงอุรุกวัยรายนี้ต้องพัฒนากันต่อ เพราะที่ผ่านมาก็เคยถูกวิจารณ์หลายครั้งในเรื่องความ "นิ่ง" ในจังหวะยิงประตู ซึ่งแม้แต่ คล็อปป์ เอง ก็เคยบอกว่าบางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนขนาดนั้น
อย่างไรก็ตามหากไม่นับจังหวะจบสกอร์ ก็ยังถือว่า นูนเญซ มีส่วนร่วมกับเกมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะความขยันในการชิงพื้นที่ในแดนบน ในภาพรวมจึงอาจกล่าวได้ว่า นี่แค่ไม่ใช่วันของเขาเท่านั้นเอง
4. หลุยส์ ดิอาซ กับโมเมนต์แห่งความทรงจำ
อันที่จริงแล้วไม่มีใครคิดว่า หลุยส์ ดิอาซ จะมีชื่อลงเล่นเกมนี้ด้วยซ้ำ เพราะเจ้าตัวยังเผชิญกับเหตุการณ์ที่พ่อของเขาถูกลักพาตัวไปอยู่ แต่ ดิอาซ ก็เข้มแข็งพอที่จะเดินทางกลับมาช่วยทีมในเกมนี้ และสุดท้ายก็เป็นคนโหม่งประตูช่วยให้ ลิเวอร์พูล แบ่งแต้มจากเกมนี้ได้สำเร็จ ก่อนเปิดเสื้อแสดงข้อความเรียกร้องให้คนร้ายคืนอิสรภาพให้พ่อของเขาโดยเร็ว
และโมเมนต์ของ หลุยส์ ดิอาซ น่าจะเป็นสิ่งดีๆสิ่งเดียวที่เกิดขึ้นในค่ำคืนที่ยากลำบากของ ลิเวอร์พูล
.....
ในช่วงเริ่มต้นฤดูกาลนี้ หลายคนคงเชื่อว่า ยังเร็วเกินไปที่ ลิเวอร์พูล จะขึ้นไปท้าทายตำแหน่งแชมป์ เพราะมีการผ่าตัดทีมครั้งใหม่และน่าจะต้องใช้เวลาปรับจูนกันสักระยะ
แต่จากผลงานที่ร้อนแรงในช่วง 2-3 เดือนแรก ทำให้เกิดความหวังในหมู่แฟนบอลว่า "การลุ้นแชมป์" มันเป็นไปได้
แต่สุดท้าย เกมกับ ลูตัน ก็กลายเป็นเครื่องสะท้อนความเป็นจริงว่า ความหวังดังกล่าวนั้นอาจจะยังเร็วเกินไป