"เดอะ ไทม์ส" สื่อดังของอังกฤษ รายงานว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถูก พรีเมียร์ลีก ตั้งข้อหาการกระทำความผิดละเมิดกฏการเงิน (ไฟแนนเชี่ยล แฟร์เพลย์) มากกว่า 100 ครั้งในช่วง 9 ฤดูกาล ระหว่างเดือนกันยายนปี 2009 ถึงช่วงจบฤดูกาล 2017-18
แถลงการณ์ของพรีเมียร์ลีกระบุว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ละเมิดกฏที่กำหนดให้สโมสรต้องให้ข้อมูลทางการเงินที่ถูกต้อง และภาพรวมสถานะทางการเงินที่แท้จริงของสโมสร รวมถึงรายได้ของสโมสร จากผู้สนับสนุน และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการต่างๆ นอกจากนี้ ยังกล่าวหาว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ได้ให้ความร่วมมือตั้งแต่เริ่มต้นกระบวนการสอบสวนในช่วงเดือนธันวาคม ปี 2018
โดย พรีเมียร์ลีก ได้ดำเนินการสอบสวนเรื่องนี้มากว่า 4 ปี ซึ่งสาเหตุที่พรีเมียร์ลีกเข้ามาสอบสวนเรื่องนี้ มาจากการที่เว็บไซต์ "แดร์ สปีเกล" ของเยอรมนี ได้ตีพิมพ์เอกสารจาก ฟุตบอล ลีกส์ ซึ่งมีข้อมูลที่กล่าวหาว่า แมนฯ ซิตี้ มีรายได้จากสปอนเซอร์ที่มากเกินจริง โดยที่เจ้าของสโมสรจาก อาบู ดาบี จ่ายเงินเข้าทีมเอง แทนที่จะเป็นเงินจากสปอนเซอร์ และยังมีประเด็นเรื่องค่าจ้าง รวมถึงการละเมิดกฎการดึงนักเตะเยาวชน
ซึ่งหากพบว่า แมนซิตี้ มีความผิดจริง จะทำให้พวกเขาโดนลงโทษสถานหนักไม่ว่าจะเป็นการถูกปรับเงิน ตัดแต้ม ริบแชมป์พรีเมียร์ลีกคืน หรืออาจรุนแรงถึงขั้นขับพ้นจากลีกทีเดียว
ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2020 แมนซิตี้ เคยถูกสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) แบนจากรายการ แชมเปี้ยนส์ ลีก มาแล้ว พร้อมสั่งปรับเงินอีกถึง 25 ล้านปอนด์ (ราว 1,000 ล้านบาท) หลังทำผิดกฏไฟแนนเชียล แฟร์เพลย์ แต่หลังจากยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอนุญาโตตุลาการกีฬา (ซีเอเอส) ก็ได้รับการลดโทษ เหลือเพียงการปรับเงิน 9 ล้านปอนด์ (ราว 360 ล้านบาท) เท่านั้น