ศ.ดร.ยง ภู่วรวรรณ ราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “โควิด 19 กำลังระบาดอย่างมาก จะต้องฉีดวัคซีนหรือไม่” ระบุว่าโรคทุกโรคที่ป้องกันได้ควรจะได้รับการป้องกัน แต่การป้องกันมีหลายวิธี ตั้งแต่ล้างมือทำความสะอาด ลดการแพร่กระจายของโรค ด้วยการใส่หน้ากากอนามัย และหลีกเลี่ยงการเข้าชุมชนคนหมู่มาก วัคซีนเป็นอีกตัวเลือกหนึ่ง
โรคโควิด 19 ในระยะแรก ปีแรกๆ รุนแรงมากมีอัตราเสียชีวิตถึงร้อยละ 1 และมีอัตราการลงปอดเป็นปอดบวมสูงมากโอกาสต้องนอนโรงพยาบาลสูงมากๆ แต่ในปัจจุบันประชากรส่วนใหญ่มีภูมิต้านทานแล้ว จากการติดเชื้อ และฉีดวัคซีน และไวรัสโควิดก็ลดความรุนแรงของโรคลงมา ทำให้มีอัตราการเสียชีวิตต่ำ เปรียบเทียบได้กับไข้หวัดใหญ่ ผู้ติดเชื้อโควิด 19 จำนวนมาก ไม่มีอาการ หรือมีอาการน้อย เพราะเคยเป็นมาแล้ว ยกเว้นมีร่างกายอ่อนแอ หรือมีโรคประจำตัว ก็เป็นเช่นเดียวกันกับโรคทางเดินหายใจอื่นๆที่อาจจะรุนแรงขึ้น
ทำไมเรายังต้องให้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ทั้งที่ความรุนแรงของไข้หวัดใหญ่กับโควิด ไม่ต่างกันมากแล้ว วัคซีนไข้หวัดใหญ่ป้องกันการติดเชื้อได้ประมาณ 40 ถึง 60 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น หวังป้องกันความรุนแรงของโรค แต่เรายังแนะนำให้ฉีดโดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง ทั้งนี้เพราะวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ใช้กันมานานมากแล้วร่วม 50 ปี มีราคาถูก และอาการข้างเคียงต่ำ เมื่อมาเปรียบเทียบกับวัคซีนโควิดในปัจจุบัน โควิดไวรัสมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์อย่างรวดเร็ว ทำให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อน้อยมาก วัคซีนมีราคาแพงมาก มากกว่าไข้หวัดใหญ่เกือบ 10 เท่า และมีอาการข้างเคียงมากกว่า
ดังนั้นในปัจจุบันจึงแนะนำให้ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยง โดยทางภาครัฐสนับสนุน ให้ได้ฉีดฟรี ส่วนวัคซีนโควิด เมื่อคิดถึงความคุ้มทุน และประโยชน์ที่ได้ เมื่อโรคลดความรุนแรงลง โดยส่วนตัวจึงไม่แนะนำ และถ้าป่วยให้รีบให้การรักษา เพราะมียาที่มีประสิทธิภาพ
โควิดระบาดสัปดาห์กว่า 5,000 คน
ศ.ดร.ยง บอกว่า ฤดูกาลของโควิด 19 ได้เริ่มต้นตั้งแต่สงกรานต์เป็นต้นมา และจะระบาดมากขึ้นอีกเมื่อนักเรียนเปิดเทอม ในปีนี้ เนื่องจากฝนมาเร็ว การระบาดในช่วงนี้ จึงมีผู้ป่วยจำนวนมากกว่าปีที่แล้ว จำนวนยอดผู้ป่วยที่แท้จริง มิอาจจะทราบได้ แต่ยอดจำนวนผู้ป่วยที่นอนในโรงพยาบาล แต่เห็นได้ชัดเจนจากรูปที่ให้ดู ในปีนี้มากกว่าปีที่แล้ว สีเข้มชัดเจน สัปดาห์ละ มากกว่า 5,000 คน สีที่เห็นจากรูปจึงเป็นสีเข้มแดง
เชื้อโควิด 19 ที่พบในขณะนี้เป็นสายพันธุ์ XEC เป็นส่วนใหญ่ เป็นสายพันธุ์ หลานเหลนของโอมิครอน และลดความรุนแรงของโรค มาโดยตลอด ผู้ที่เคยเป็นมาแล้ว เป็นซ้ำได้อีก และส่วนใหญ่ จำนวนมากไม่รู้ตัวว่าติดเชื้อ คือมีอาการน้อย แต่แพร่กระจายได้ จึงเป็นเหตุให้มีการแพร่กระจายได้อย่างกว้างขวางและรวดเร็ว
อัตราการเสียชีวิตของโรคนี้ในปัจจุบัน ลดลงอย่างมาก น่าจะอยู่ในระดับของไข้หวัดใหญ่ ซึ่งปีนี้ทั้งปีคาดว่าจะมีการเสียชีวิตไม่เกิน 100 คน ดังแสดงในรูปเปรียบเทียบในแต่ละปี ในปีนี้ถึงแม้จะมีการระบาดและมีจำนวนคนนอนโรงพยาบาลมากกว่าปีที่แล้ว แต่อัตราการเสียชีวิตในช่วงเวลาเดียวกันก็น้อยกว่าปีที่แล้ว ดังแสดงในรูป
ฤดูการระบาดจะไปถึงเดือนกรกฎาคม สิงหาคม จึงจะเริ่มลดลง เช่นปีที่แล้ว ในรูป ที่เป็นสีแดง
ผู้ป่วยที่มีร่างกายแข็งแรงดี การรักษาตามอาการ เหมือนโรคทางเดินหายใจทั่วไป ยกเว้นในผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอมากๆ เช่นผู้สูงอายุ ที่เกิน 70 ปีขึ้นไป หรือมีโรคประจำตัว ที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอลง ควรจะพบแพทย์ เพื่อดูแลการรักษาที่เหมาะสม
ปัจจุบันถึงจะมีวัคซีน แต่สายพันธุ์ที่มีอยู่ขณะนี้อยู่ห่างไกลกับสายพันธุ์ที่ระบาด และการที่เรามีภูมิต้านทานแล้ว ไม่ว่าจะจากการติดเชื้อ และหรือฉีดวัคซีนในอดีต จึงมีภูมิต้านทาน ส่วนหนึ่งที่ทำให้โรคลดความรุนแรงลง จึงไม่ได้แนะนำให้ฉีดวัคซีน และไม่ได้อยู่ในโครงการที่จะให้วัคซีนฟรี
การรักษา เป็นการรักษาตามอาการเหมือนโรคทางเดินหายใจทั่วไป ในผู้ที่สูงอายุ หรือมีร่างกายอ่อนแอมากๆที่จัดว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยง การให้ยาต้านไวรัส อยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ โดยขณะนี้ยาที่ใช้ได้ผลดีที่สุดคือ Remdesivir
สิ่งสำคัญที่สุดขณะนี้คือการป้องกันการระบาดโดยเฉพาะในโรงเรียน โรงงาน หรือที่มีคนหมู่มาก ด้วยการล้างมือ อยู่เป็นนิจ ใช้แอลกอฮอล์ และถ้าป่วย ควรหยุดเรียน หน้ากากอนามัยแนะนำให้ ผู้ป่วยทุกคนจะต้องใส่ เพื่อป้องกันการกระจายและระบาดของโรค