"พรรคประชาชน" ขอโทษชาวสมุทรปราการ ผู้สมัคร สท.โดนจับค้ายา

7 พฤษภาคม 2568 จากกรณีตำรวจชุดสืบสวน สน.มีนบุรี บุกจับกุม นายอภิวัฒน์ หรือ ฟลุ๊ค (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี พร้อมยาบ้า 480,000 เม็ด, ยาไอซ์ 1 กก. และคีตามีน 1 กก. ที่บ้านพักเขตคลองสามวา กทม. หลังติดตามสืบสวนแก๊งค้ายาเสพติด “บุญรักษา” มาเป็นเวลาหลายเดือน 

ล่าสุด เพจพรรคประชาชน สมุทรปราการ – People’s Party Samutprakarn ได้โพสต์ข้อความ ขอโทษประชาชน โดยระบุว่า

พรรคประชาชนสมุทรปราการขอโทษประชาชน จากกรณีที่วันนี้ (7 พ.ค.) ผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาล (สท.) เมืองลัดหลวง จังหวัดสมุทรปราการ ของพรรค ถูกจับกุมในข้อหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรง

พรรคประชาชนสมุทรปราการ เห็นว่านอกเหนือจากการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงและรับผิดชอบตามกฎหมาย ผู้สมัครควรต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง โดยการแสดงเจตจำนงยุติบทบาท ไม่ประสงค์เป็นผู้สมัครในการเลือกตั้งที่มาถึงนี้

พรรคประชาชนสมุทรปราการ จะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด หากกระบวนการยุติธรรมพิสูจน์ได้ว่าผู้สมัครคนดังกล่าวมีความผิดจริง พรรคจะดำเนินการถอดถอนออกจากการเป็นสมาชิกพรรคตามขั้นตอน

ทั้งนี้ พรรคประชาชนสมุทรปราการขอน้อมรับกรณีนี้เป็นบทเรียนในการปรับปรุงกระบวนการคัดสรรผู้สมัครของพรรคต่อไป

สำหรับผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาลเมืองลัดหลวง เขต 1 พรรคประชาชน มีดังนี้ หมายเลข 13. วิวัต ชูชาติพิชัย (มานพ) หมายเลข 14.จตุพล สว่างพาณิชย์ (จะ) หมายเลข 15.ภานุพงษ์ แก้วรัศมี (แบงค์) หมายเลข 16.จีราภรณ์ จินตานนท์ ( ปู ) หมายเลข 17.ธีรศานต์ วิชยธรรมสกุล(เบนซ์) หมายเลข 18.กิตติวัฒน์ พึ่งเขื่อนขันธ์(หมู) 


สำหรับคดีที่ผู้สมัคร สท.ในนามพรรคประชาชนถูกจับกุมในคดียาเสพติดครั้งนี้  สืบเนื่องจาก เมื่อช่วงเช้ามืดของวันนี้ (7 พ.ค.) พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. ดูแลงานสืบสวน, พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รอง ผบช.น.ดูแลงานยาเสพติด, พล.ต.ต.เกียรติกุล สนธิเณร ผบก.น.3 พ.ต.อ.สมโภช ทองมูล ผกก.สน.มีนบุรี สั่งการให้ พ.ต.ท.ชนันท์ธัช แก้วทอง สว.สส.สน.มีนบุรี นำกำลังฝ่ายสืบสวน สน.มีนบุรี บุกจับกุม นายอภิวัฒน์ หรือ ฟลุ๊ค (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี พร้อมยาบ้า 480,000 เม็ด, ยาไอซ์ 1 กิโลกรัม และคีตามีน 1 กิโลกรัม ที่บ้านพักแห่งหนึ่ง เขตคลองสามวา กทม.

หลังติดตามสืบสวนแก๊งดังกล่าวมาเป็นเวลาหลายเดือน จนได้เบาะแสว่า นายอภิวัฒน์ เป็นตัวละครสำคัญ ทำหน้าที่เก็บรักษายาเสพติด และทำหน้าที่เป็นหัวจ่าย คอยกระจายยาบ้าหลักล้านเม็ด ส่วนยาไอซ์และคีตามีนจะจ่ายงานเป็นกิโลกรัม

โดยพบว่า นายอภิวัฒน์ จะนำรถเก๋งไปรับยาเสพติดมาครั้งละหลายกระสอบ และใช้รถจักรยานยนต์นำยาเสพติดไปวางตามซอยเปลี่ยวอยู่เป็นประจำ พฤติกรรมในแต่ละวันจะอยู่ที่บ้านไม่ออกไปเที่ยวเตร่ ไม่ออกไปทำงานสุจริตอย่างคนทั่วไป

จนเช้ามืดวันที่ 5 พ.ค.68 ฝ่ายสืบสวน สน. มีนบุรี ทราบแน่ชัดแล้วว่า นายอภิวัฒน์เพิ่งไปรับยาบ้ามาหลายกระสอบ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และวางแผนนำทีมสืบมีนบุรี เข้าจับกุมเพื่อสกัดกั้นยาบ้าล็อตนี้ เมื่อจับกุมนายอภิวัฒน์ได้พร้อมของกลาง จึงทำการสืบสวนขยายผล

ระหว่างทำการสืบสวนขยายผลอยู่นั้น ได้มีผู้ใช้บัญชีไลน์ชื่อ “Henry” ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมของนายอภิวัฒน์ โทรมาสั่งการนายอภิวัฒน์ว่า จะมีการเปลี่ยนสถานที่เก็บรักษายาเสพติด โดยจะให้ผู้ใช้บัญชีไลน์ชื่อ “Light of day” ประสานงานไปรับยาเสพติดทั้งหมดจาก นายอภิวัฒน์

ต่อมาเช้ามืดของวันที่ 6 พ.ค. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และวางแผนให้นำทีมสืบมีนบุรี เข้าจับกุมสมาชิกแก๊งที่จะเดินทางมารับยาเสพติดไปเก็บรักษาแทนนายอภิวัฒน์ ต่อมา ผู้ใช้บัญชีไลน์ชื่อ “Light of day” ได้ปรากฏตัวมารับยาเสพติดที่จุดนัดหมาย โดยใช้ยานพาหนะ 2 คัน ประกอบด้วย 1.รถเก๋ง มีนายสุธี หรือ ก้อง (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี เป็นคนขับ ทำหน้าที่นำทางและประสานงานด้วยบัญชีไลน์ชื่อ “Light of day”

2.รถกระบะตู้ทึบ มีนายภานุพงษ์ หรือ แบงค์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี เป็นคนขับ และ นายศรายุท หรือ นัด (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี นั่งมาด้วย ทั้งสองทำหน้าที่ขนยาเสพติดขึ้นรถกระบะตู้ทึบ โดยมีนายสุธีคอยสังเกตการณ์ สืบมีนบุรีสามารถจับกุมตัวทั้ง 3 คนไว้ได้


ระหว่างเข้าจับกุมนายสุธี พยายามขับรถหลบหนีและจะพุ่งชนตำรวจ ชุดจับกุมเกรงว่าจะเกิดอันตรายต่อตำรวจ จึงตัดสินใจทุบกระจกรถยับยั้งนายสุธีได้สำเร็จ หลังจากการจับกุมตัวทั้ง 3 คน ให้การว่า ชายที่มีฉายาว่า “บุญรักษา” ได้ว่าจ้างให้พวกตนขนส่งยาเสพติดมาแล้วหลายครั้งโดยครั้งนี้จะได้รับค่าจ้าง คิดตามจำนวนยานพาหนะที่ใช้ทำงาน คันละ 10,000 บาท นายภานุพงษ์ 5,000 บาท, นายศรายุท 5,000 บาท ส่วนนายสุธี 10,000 บาท

ทั้งนี้ ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหากับนายอภิวัฒน์, นายสุธี, นายภานุพงษ์ และนายศรายุท หรือนัด ว่ากระทำความผิดในฐานร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้าและยาไอซ์) โดยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและเป็นภัยมั่นคงต่อรัฐ และร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (คีตามีน) โดยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน พร้อมนำของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สน.นิมิตรใหม่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป