
28 เมษายน 2568 จากกรณีตึก สตง.ถล่ม ย่านจตุจักร เมื่อวันที่ 28 มี.ค.68 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บหลายราย นอกจากนี้ ยังมีผู้สูญหายหลายคน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้มีจิตอาสา ได้ระดมช่วยผู้ประสบภัย ปัจจุบันเวลาผ่านมา 1 เดือน ก็ยังคงเดินหน้าค้นหาผู้สูญหายอย่างต่อเนื่อง
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงค่ำวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา ทีมกู้ภัยได้เข้าเดินเท้าค้นหาผู้สูญหายใต้ซากปรักหักพังอาคาร สตง.ถล่ม ซึ่งขณะสุนัข K9 คือ "น้องนารี" เข้าค้นหาบริเวณโซน A เชื่อมต่อโซน B ก็ไปพบลูกแมว สีส้ม ติดอยู่ภายใต้ซากของอาคาร เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงพยายามช่วยเหลือและนำออกมาได้ โดยนำส่งให้ทีมสัตวแพทย์อาสา ตรวจอย่างละเอียด
ทีมข่าวเนชั่นทีวี มีโอกาสได้พูดคุยกับ สัตวแพทย์หญิงวิภาวดี ปฐมรพีพงศ์ หัวหน้าสัตวแพทย์อาสาทำดี หรือเจ้าของวิภาวดีสัตวแพทย์ ที่มาเป็นอาสาคอยดูแลสัตว์เลี้ยงผู้ประสบภัย บอกว่า เจ้าเหมียวตัวนี้ เป็นแมวสีส้ม อายุ 2 เดือน เพศเมีย เบื้องต้นได้ทำการปฐมพยาบาลแล้ว ซึ่งไปเจอน้องแมวในตึก โดยมีสุนัข K9 "นารี" เป็นผู้เจอ แล้วพี่ๆ กู้ภัยก็ไปจับมาให้
"จากการตรวจเบื้องต้น สภาพน้องแมวค่อนข้างผอม น้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์ แต่นิสัยดีมากขี้อ้อน และพี่ๆ สัตวแพทย์ ก็ให้น้ำเกลือ และให้น้ำหวานแทน รวมถึงให้อาหารเปียก และน้องเริ่มคุ้นกับคนทั้งที่แมวประสบภัยจะต้องกลัว แต่นี่น้องไม่มีอาการขู่ใดๆ น้องน่ารักมาก" คุณหมอวิภาวดี ระบุ
หลังจากช่วยเจ้าแมวส้มน้อยออกมาจากซากตึกได้ ในช่วงที่ยังไม่มีเจ้าของ ทางคุณหมอได้ดูแลเจ้าเหมียวตัวนี้ ทั้งตรวจโรคไม่ว่าจะเป็นโรคเอดส์แมว ลูคิเมีย และทางเดินอาหาร พร้อมประกาศหาบ้านให้น้องแมวส้ม ฟรีทุกขั้นตอนการดูแลและขั้นตอนการขอรับ โดยผู้ใดที่จะมารับน้องไปอยู่ด้วย จะต้องถูกคัดกรอง เพราะจะต้องไม่ใช่แค่ฉาบฉวยแต่จะต้องดูแลน้องแมวไปตลอดชีวิต ซึ่งก็เป็นขั้นตอนการสัมภาษณ์เพื่อคัดกรองบ้านให้กับน้องปกติอยู่แล้ว
เมื่อเรื่องราวของน้องแมวส้มตัวนี้เผยแพร่ออกไป ก็มีผู้คนในโลกโซเชียลเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก มีการตั้งชื่อน้องแมวส้มนี้ว่า น้อง "สตง" , เจ้า "สะตง" , ฯลฯ หลายคนแสดงเจตจำนงว่าอยากอุปการะน้อง
ล่าสุด วันนี้ (28 เม.ย.68) เพจเฟซบุ๊ก วิภาวดีสัตวแพทย์ โพสต์ภาพและข้อความ น้องแมวส้ม "สตง" หรือ เจ้าเหมียว "สะตง" ได้บ้านแล้ว หลังจากคัดจาก 1,000 ครอบครัว ที่ยื่นขออุปการะน้องสตง พร้อมเผยเรื่องราวชวนซึ้งใจ โดยระบุว่า
จากผู้สมัครขอรับเลี้ยง สตง ต่งต๊ง 1,000 ครอบครัว
ผู้ที่ได้รับเลี้ยงมีเพียงครอบครัวเดียวเท่านั้น
แม่หมอขอส่ง ดญ สตง ต่งต๊ง สู่อ้อมกอดที่อบอุ่นของครอบครัวคุณพ่อชงค่ะ
คุณชาคริต (คุณชง)
อาชีพ /บริษัท ตำแหน่ง
ผู้บริหาร โรงพยาบาลสินแพทย์
สนใจน้องอะไร เพราะอะไร
- ติดตามข่าวนี้มาตลอด มีความคิดว่า ถ้ามีแมวรอด เรายินดีมากที่จะอุปการะ พร้อมไปรับยังที่เกิดเหตุ ในรถใส่กรง ใส่น้ำ ใส่อาหาร ใส่อุปกรณ์ปฐมพยาบาลไว้
Presentation Story
แมวตัวแรก เป็นแมวจรที่มาทิ้งตัวลงบนเท้าของภรรยา เลยเมตตารับเลี้ยงตัวแรก และพาไปว่ายน้ำเล่นน้ำทะเล เที่ยวด้วยกันเป็นประจำ ทำให้แมวตัวนั้นเป็นประตูเปิดสู่โลกของแมว เลยเริ่มให้อาหารแมวจร ตามที่ต่างๆ เป็นประจำ ทุกเดือนจะดักแมวจรไปทำหมันครั้งละ 1 ตัว
วันหนึ่งเจอครอบครัวแมวแม่ลูก 4-5 ตัว บนรั้วสูงเกือบ 2 เมตร เห็นลูกแมวส้ม 1 ตัว คิดว่าพรุ่งนี้จะพยายามหยิบมาเลี้ยง 1 ตัว (รั้วสูงมากหยิบไม่ถึง) .. ตั้งใจไว้ว่า พรุ่งนี้ต้องพากลับไปเลี้ยงให้ได้ แต่สิ่งที่ตั้งใจไว้กลับพังไปต่อหน้าต่อตา เพราะบ้านที่แม่และลูกแมวถูกฝ้าถล่มทับเสียชีวิตหมดทั้งครอบครัว
คุณชงเลยรู้สึกผิดที่ช่วยชีวิตแมวแม้แต่ตัวเดียวก็ช่วยมาไม่ได้
จึงตั้งจิตไว้ว่า ถ้าเจอแมวส้มที่คล้ายกันหรือแมวที่รอดจากตึกถล่มจะขอมาเลี้ยง
ซึ่งจากเหตุการณ์ตึกถล่มก็ติดตามทุกวัน จนพบว่ามีแมวส้มรอดชีวิต จึงติดต่อมาขอรับเลี้ยงพร้อมทั้งรอคิวสัมภาษณ์จากแม่หมอ
สุดท้าย คุณชงได้พูดถึงอาม่าที่เสียชีวิตไปแล้วว่า ท่านเป็นคนเมตตาชอบให้อาหารแมวจรตลอด และคุณชงก็ชี้ให้แม่หมอดูชื่ออาม่า , อาม่า มีชื่อว่า "สุดวิภา"
สตง+แม่หมอวิภา =.... เรื่องบังเอิญมั้งคะ
การ Present โดยใช้ Power point ทั้งหมด เรื่องเล็กๆแค่ขอแมวจร 1 ตัวไปเลี้ยงทำให้แม่หมอน้ำตาไหล เพราะเรื่องราวมันยิ่งใหญ่เหลือเกิน
กราบขอบพระคุณคุณชงมากๆนะคะ
(โปรดเชื่อใจเราในคัดเลือกบ้านนะคะ)
การช่วยหมาแมวจรหนึ่งตัว
ให้มีชีวิตอยู่ต่อ หาบ้านถาวรให้
คุณเปลี่ยนโลกไม่ได้หรอก
แต่โลกของแมวหมาตัวนั้น
เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเพราะคุณ
ซึ่งหลังจากโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ก็มีผู้ใช้เฟซบุ๊กเข้ามาคอมเมนต์และแชร์กันเป็นจำนวนมาก ตัวอย่างข้อความเหล่านั้น อาทิ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ที่มีใจรักสัตว์ และกำลังมองหาแมวมาเลี้ยง ทางวิภาวดีสัตวแพทย์ มี "โครงการแมวรอรัก" หาบ้านให้แมวจร ให้คนมารับเลี้ยงฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย หากท่านใดสนใจอุปการะแมวจร สามารถอ่านขั้นตอนการขอรับ และช่องทางติดต่อ ได้ที่เพจ วิภาวดีสัตวแพทย์
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : วิภาวดีสัตวแพทย์