svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

เปิดแนวทาง 4 บ.จ่ายเงินประกันภัยตึก สตง.ถล่ม ใช่วงเงิน 2.1 พันล้านไหม?

คปภ. เผยแนวทาง 4 บริษัทจ่ายเงินประภัยตึก สตง.ถล่ม ใช่วงเงินตามมูลค่าโครงการกว่า 2.1 พันล้านไหม? ระบุ ต้องรอ จนท.รัฐ ตรวจสอบหาสาเหตุให้ครบถ้วนก่อน ยัน หากพบก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน ประกันภัยก็ไม่คุ้มครอง ส่วนผู้บาดเจ็บ-ผู้เสียชีวิต-ผู้สูญหาย ประกันจ่ายตามจริงที่ทำไว้ เร่งยืนยันตัวบุคคลก่อนจ่ายค่าสินไหมภายใน 15 วัน

30 มีนาคม 2568 สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย โดยนายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการ คปภ. พร้อมด้วย สมาคมประกันวินาศภัยไทย และสมาคมประกันชีวิตไทย ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงแนวทางการจ่ายเงินประกันภัย กรณีอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง.แห่งใหม่ถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว และมีผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และผู้สูญหายจำนวนมาก และมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประสบเหตุแผ่นดินไหว โดยจะแยกเป็น 2 กรณี ความเสียหายของอาคาร สตง. ที่พังถล่มลงมา และความเสียหาย และกรณีประกันภัยของบุคคล 

โดย นายสมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย อธิบายว่า อาคารดังกล่าง ทาง สตง. เป็นเจ้าของโครงการที่ทำสัญญาไว้กับบริษัทประกัน ดังนั้นจะต้องจ่ายเงินเคลมให้กับเจ้าของโครงการ ก็คือ สตง. 

พร้อมอธิบายลักษณะประกันภัยการก่อสร้าง คือ ผู้ว่าจ้างหรือผู้รับเหมาก่อสร้างที่จะให้ความคุ้มครอง กับงานก่อสร้างงานตกแต่งงาน เครื่องจักรที่จะได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุที่ไม่คาดหมาย 

อย่างกรณีแผ่นดินไหว โดยทั่วไปแล้วกรมธรรม์ประเภทนี้ จะแบ่งออกเรื่องของความคุ้มครองเป็น 3 คือ ความคุ้มครองงานก่อสร้าง และงานวิศวกรรมโยธา 

โดยการกำหนดทุนเอาประกันจะเป็นการกำหนดการเอาประกันภัยทั้งโครงการ ซึ่งกรณีเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ ถือว่าครอบคลุมอยู่ในความคุ้มครองของประกันภัย แต่การจ่ายเงิน จะต้องตรวจสอบความคืบหน้าของการดำเนินการว่า ณ เวลาที่อาคารถล่ม ดำเนินการไปแล้วกี่เปอร์เซ็นต์ และช่วงเวลานั้น มีมูลค่าการก่อสร้างไปแล้วเท่าไร จึงจะจ่ายตามมูลค่า ณ เวลานั้น ไม่ใช่มูลค่ารวมของโครงการกว่า 2 พันล้านบาท

และส่วนที่2 ความคุ้มครองมูลค่าเครื่องจักรที่นำมาใช้ รวมถึงส่วนที่ 3 คือความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก

ทั้งนี้ อาคาร สตง.โดย เจ้าของโครงการ คือ สตง. ทำประกันไว้ กับ 4 บริษัท คือ 

  • ทิพยประกันภัย 40% 
  • กรุงเทพประกันภัย 25%
  • อินทรประกันภัย 25%
  • วิริยะประกันภัย 10%


ดังนั้นทั้ง 4 บริษัทจะจ่ายชดเชยค่าสินไหมทดแทน ตามสัดส่วนที่บริษัทรับทำประกันไว้ ซึ่งทาง คปภ.ได้ตรวจสอบการจัดทำทั้ง 4 บริษัท พบว่ามีความมั่นคงทางการเงินในการจ่ายได้อย่างแน่นอน

แต่การจ่ายเงินประกัน หากตรวจสอบพบว่า อาคารไม่เป็นไปตามหลักวิศวกรรม หรือไม่เป็นไปตามสเปคของการก่อสร้าง ไม่ว่าส่วนใดก็ตาม ประกันภัยจะไม่คุ้มครอง หรือเรียกง่ายๆ คือ ไม่จ่ายเงิน

ส่วนกรณีที่ตั้งคำถามเรื่อง หากมีการตรวจสอบพบว่า อาคารดังกล่าวมีการทุจริตไม่ตรงตามสเปคนั้น นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย อธิบายเพิ่มเติมย้ำว่า หากการก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน ก็ไม่คุ้มครองแน่นอน แต่ทั้งนี้จะต้องใช้การประเมินของสภาวิชาชีพที่เกี่ยวข้องเข้าทำการตรวจสอบ แล้วทางประกันภัยจะอ้างอิงข้อมูลดังกล่าวในการจ่ายเคลมประกัน

ส่วนกรณีที่บริษัทคู่สัญญาเข้าไปหอบแฟ้มเอกสารออกมาแล้วอ้างว่านำประกอบการเคลมประกันนั้น ส่วนตัวไม่ทราบว่าขนเอกสารเพื่อการใด แต่ในข้อเท็จจริงเมื่อมีการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตัวแทนผู้ประกอบการ และตัวแทนผู้ให้ประกันจะต้องมาพูดคุยกันเพื่อพิสูจน์ทราบว่า การก่อสร้างอยู่ในระยะเวลาไหน และมีมูลค่าการก่อสร้าง ณ เวลาเกิดเหตุ มีมูลค่าเท่าไร โดยอาจจะต้องใช้เอกสารประกอบการตกลงพูดคุยกัน

ส่วนการจ่ายเงินคุ้มครองขึ้นอยู่กับการสำรวจ หลังจากภาครัฐเข้าไปดำเนินการแล้ว ธุรกิจประกันภัยจึงจะเข้าไปดำเนินการ และเมื่อรัฐสืบสวนแล้ว คปภ.ก็จะใช้ข้อมูลดังกล่าวในการจ่ายค่าสินไหม ถ้าเสียชีวิตก็จะจ่ายเงินประกันภายใน 15 วัน ถ้าเกินกว่า 15 วัน จะเข้าเงื่อนไขการประวิงเวลา

ส่วนกรณีการเคลมประกันภัยของแรงงาน นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการ คปภ. บอกเพิ่มเติมว่า จะต้องไปดูกรมธรรม์ที่บริษัทรับเหมา หรือซัพคอนแท็ก ทำไว้ให้ว่ามีหรือไม่ และวงเงินเท่าไร ถ้ามีประกันภัย ก็เป็นไปตามเงื่อนไขทุกประการที่ซื้อประกันภัย

ส่วนบริษัทการก่อสร้างที่มีซัพคอนแท็กนั้น ถ้าซัพคอนแท็กมีการทำประกันไว้ ของลูกจ้างก็สามารถแจ้ง คปภ.ได้ทันที เพื่อให้มีข้อมูลตรวจสอบและให้ได้รับการจ่ายประกันให้ได้ไวที่สุด 

ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นประกันอุบัติเหตุ และประกันชีวิต กรณีเหตุแผ่นดินไหวนี้ ใช้ได้ทั้งหมด ซึ่งจะต้องเร่งตรวจสอบข้อมูลรายชื่อของผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บและผู้สูญหาย เพื่อยืนยันตัวบุคคล ว่าเป็นใครบ้าง เพื่อให้รวดเร็วในการจ่ายเงินประกัน