คิดได้ไง ผอ.รร.ดัง หลอกปศุสัตว์มาทำหมันสุนัข ก่อนให้เอาไปปล่อยทั้งที่สลบ

เป็นเรื่องราวที่ถือว่าสะเทือนใจคนรักสุนัขเป็นอย่างมาก เมื่อเพจเฟซบุ๊ก มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ Watchdog Thailand Foundation - WDT ได้มีการโพสต์เรื่องราวที่มีผู้บริหารโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในจังหวัดนครสวรรค์ ติดต่อให้ทางปศุสัตว์ มาทำหมันสุนัขภายในโรงเรียน โดยอ้างเพื่อต้องการคุมจำนวนสุนัข แต่กลับให้บุคลากรในโรงเรียน นำสุนัขที่เพิ่งทำหมันไปปล่อยทิ้ง ทั้ง ๆ ที่ยังสลบอยู่ โดยระบุว่า

#หลอกปศุสัตว์มาทำหมันหมาแล้วนำหมาไปปล่อยทิ้งทั้งๆที่ยังอยู่ในสภาวะสลบ 

WDT รับแจ้งจากประชาชนคนรักสัตว์ ผู้บริหารโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดนครสวรรค์ ให้ปศุสัตว์มาทำหมันอ้างจำกัดจำนวน แล้วให้บุคลากรในโรงเรียนนำหมาไปปล่อยทิ้งทั้งๆ ที่ยังสลบอยู่‼️

มีประชาชนช่วยเหลือไว้ได้ตัวหนึ่งพบแผลอักเสบ เป็นหนองและมีไข้ คนรักสัตว์หลายคน กำลังช่วยกันตามหาตัวอื่น ๆ

ใจร้ายมากนะครับ กับการกระทำต่อสัตว์แบบนี้ ยิ่งเป็นความคิดของผู้บริหารสถานศึกษา ยิ่งไม่ควรเกิดขึ้น‼️

WDT ประสาน ปศุสัตว์จังหวัดนครสวรรค์ มอบหมายเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบเรื่องราวและเหตุการณ์เนื่องจากการกระทำนี้เป็นความผิดทารุณกรรมสัตว์คือการนำสัตว์ไปปล่อยทิ้งในที่ๆ ไม่มีสวัสดิภาพสัตว์โดย #เฉพาะสัตว์ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ในอยู่ในสภาพสลบ‼️ 

ทารุณกรรมสัตว์เป็นคดีอาญาแผ่นดินไม่สามารถยอมความได้นะครับ ทางที่ดี ขอให้ผู้บริหารผู้สั่งการ เข้ามอบตัวที่ สภ. หนองบัวจังหวัดนครสวรรค์ได้เลยนะครับ #จะได้ไม่ต้องยุ่งยากอับอายในการติดตามตัว ให้มารับทราบข้อกล่าวหา 


 

ทั้งนี้ ภายหลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ได้มีชาวเน็ตจำนวนมาก เข้ามาแสดงความคิดเห็น ส่วนใหญ่ตำหนิการกระทำ ของผู้บริหารโรงเรียนรายนี้อย่างรุนแรง รวมถึงเรียกร้องให้ดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด 



 

รู้ไหมนำสัตว์ไปปล่อย มีความผิดตามกฎหมาย  

ประเทศไทยได้มีการออกกฏหมาย พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ.2557 เพื่อคุ้มครองทั้งสัตว์เลี้ยงปกติ สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้งาน สัตว์เลี้ยงเป็นอาหาร สัตว์เลี้ยงเพื่อการแสดง ทั้งนี้หมายรวมถึง สัตว์ที่ไม่มีเจ้าของ และอาศัยอยู่ตามธรรมชาติด้วย

เนื่องจากสัตว์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความรู้สึก และเป็นองค์ประกอบสำคัญของสิ่งแวดล้อม จึงควรได้รับการคุ้มครอง มิให้ถูกกระทำการทารุณกรรม และเจ้าของสัตว์ซึ่งนำสัตว์มาเลี้ยง จะต้องจัดสวัสดิภาพให้เหมาะสม ตามประเภทและชนิดของสัตว์ ทั้งในระหว่างการเลี้ยงดู การขนส่ง การนำสัตว์ไปใช้งาน หรือใช้ในการแสดง

ดังนั้น เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ในการป้องกันการทารุณกรรม และการจัดสวัสดิภาพสัตว์ เพื่อให้สัตว์ได้รับการคุ้มครองตามธรรมชาติของสัตว์อย่างเหมาะสม จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้  


ทั้งนี้มาตรา 3 ในพระราชบัญญัตินี้ ระบุว่า  

“การทารุณกรรม” หมายความว่า การกระทำหรืองดเว้นการกระทำใด ๆ ที่ทำให้สัตว์ได้รับความทุกข์ทรมานไม่ว่าทางร่างกายหรือจิตใจ ได้รับความเจ็บปวด ความเจ็บป่วย ทุพพลภาพ หรืออาจมีผลทำให้สัตว์นั้นตาย และให้หมายความรวมถึงการใช้สัตว์พิการ สัตว์เจ็บป่วย สัตว์ชราหรือสัตว์ที่กำลังตั้งท้อง เพื่อแสวงหาประโยชน์ ใช้สัตว์ประกอบกามกิจ ใช้สัตว์ทำงานจนเกินสมควร หรือใช้ให้ทำงานอันไม่สมควร เพราะเหตุที่สัตว์นั้นเจ็บป่วย ชรา หรืออ่อนอายุ

“การจัดสวัสดิภาพสัตว์” หมายความว่า การเลี้ยงหรือการดูแลให้สัตว์ มีความเป็นอยู่ในสภาวะที่เหมาะสม มีสุขภาพอนามัยที่ดี มีที่อยู่ อาหาร และน้ำอย่างเพียงพอ

“เจ้าของสัตว์” หมายความว่า เจ้าของกรรมสิทธิ์ และให้หมายความรวมถึงผู้ครอบครองสัตว์ หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายให้ดูแล ไม่ว่าจะได้รับมอบหมายจากเจ้าของกรรมสิทธิ์ หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าของกรรมสิทธิ์ให้ดูแลด้วย

“องค์กรจัดสวัสดิภาพสัตว์” หมายความว่า คณะบุคคลหรือนิติบุคคล ซึ่งขึ้นทะเบียนเป็นองค์กรจัดสวัสดิภาพสัตว์ตามพระราชบัญญัตินี้

“สถานสงเคราะห์สัตว์” หมายความว่า สถานที่สำหรับใช้เลี้ยงสัตว์ หรือสถานที่สำหรับใช้ในการให้ความช่วยเหลือหรืออภิบาลสัตว์ที่ถูกทอดทิ้ง สัตว์ที่ไม่มีเจ้าของ หรือสัตว์ที่ถูกกระทำการทารุณกรรม 

สำหรับประเด็นการนำสัตว์ไปปล่อยนั้น มีมาตราที่สำคัญประกอบด้วย 

มาตรา 20 ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการอันเป็นการทารุณกรรมสัตว์โดยไม่มีเหตุอันสมควร
มาตรา 23 ห้ามปล่อย ละทิ้งสัตว์ ให้พ้นความดูแลของตัวเอง ยกเว้นการโอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้อื่นดูแล 
มาตรา 31 ผู้ใดฝ่าฝืน มาตรา 20 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 32 เจ้าของสัตว์หรือผู้ใดไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดตามมาตรา 22 มาตรา 24 หรือฝ่าฝืนมาตรา 23 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท