ทั้งนี้ กระทรวงพลังงาน ได้มีมาตรการบังคับใช้ น้ำมันเชื้อเพลิง มาตรฐาน Euro 5 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 67 ที่จะถึงนี้เป็นต้นไป หลังจากเลื่อนมาจากปี 2564 ซึ่งจะทำให้ น้ำมันเชื้อเพลิง มาตรฐาน Euro 4 ที่ใช้ในปัจจุบัน จะต้องเลิกใช้ไป
โดยขณะนี้ รัฐบาล และกรมธุรกิจพลังงาน ต่างเร่งประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่าง ๆ รวมถึงโซเชียล เพื่อให้ประชาชนเตรียมพร้อมกับการใช้ น้ำมันเชื้อเพลิง มาตรฐาน Euro 5 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 67
ดังนั้น การที่ประเทศไทย บังคับใช้น้ำมันเชื้อเพลิง มาตรฐาน Euro 5 ถือเป็นการทำตาม มาตรฐานใหม่ ที่เริ่มใช้ในหลาย ๆ ประเทศแล้ว และจะทำให้ ประเทศไทยจะเป็นประเทศแรก ๆ ในกลุ่มอาเซียน ที่ใช้น้ำมัน Euro 5 ซึ่งที่ผ่านมา ทางกระทรวงพลังงาน ได้ประสานกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันทุกแห่งทั่วประเทศ ให้ปรับคุณภาพ น้ำมันจาก Euro 4 ไป Euro 5 เพื่อเป็นไปตามข้อบังคับ
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการแจ้งประชาสัมพันธ์มาเป็นระยะเวลาเนิ่น ๆ แล้ว แต่หลายยังคงไม่รู้ว่า น้ำมันมาตรฐาน Euro 5 นั้นคืออะไร และเกี่ยวอะไรกับการลดโลกร้อน เนชั่นออนไลน์จะพาไปทำความรู้จักเจ้า น้ำมันมาตรฐาน Euro 5 กัน
น้ำมันมาตรฐาน Euro 5 คืออะไร
น้ำมัน Euro 5 คือ มาตรฐานน้ำมันเชื้อเพลิง ที่กำหนดโดยกลุ่มประเทศในทวีปยุโรป เพื่อวางกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการป้องกัน และแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ในการใช้เชื้อเพลิงในภาคขนส่ง มุ่งลดมลพิษจากยานยนต์สันดาปภายในเป็นหลัก
สำหรับน้ำมันดีเซล จะมีการปรับลดปริมาณกำมะถัน เป็นไม่สูงกว่า 10 ส่วนในล้านส่วน (10 ppm) และปรับลดปริมาณสาร Polycyclic Aromatic Hydrocarbon (PAH) ไม่สูงกว่า 8% โดยน้ำหนัก จากเดิม 11% ซึ่งจะช่วยลดการระบายก๊าซไฮโดรคาร์บอนและออกไซด์ของไนโตรเจนอีกด้วย
ส่วนน้ำมันเบนซิน จะมีการปรับลดปริมาณกำมะถัน เป็นไม่สูงกว่า 10 ส่วนในล้านส่วน (10 ppm) ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศลดลงอย่างมาก
ผลที่ได้จากการใช้ น้ำมันเชื้อเพลิงมาตรฐาน EURO 5 คือ ได้น้ำมันเชื้อเพลิงที่สะอาด มีกำมะถันต่ำกว่า 10 ppm สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซไฮโดรคาร์บอน และออกไซด์ของไนโตรเจน ที่สำคัญคือ ลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ย้อนเส้นทาง EURO 5 กับการรักษาสิ่งแวดล้อม
สำหรับประเทศไทย เมื่อปี 2564 ได้มีการยกระดับ การดูแลแก้ปัญหาฝุ่นเป็นวาระแห่งชาติ เนื่องจากในช่วงดังกล่าว สถานการณ์ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ของไทย มีความรุนแรงติดท็อป 20 ของโลก ทำให้รัฐบาลขณะนั้น ได้วางมาตรการแก้ปัญหาฝุ่นจากภาคขนส่ง เป็นต้นตอหลัก
ทั้งมาตรการเร่งด่วน การแก้ไขปัญหาการจราจร และการเผาทางการเกษตร ควบคู่ไปกับการวางมาตรการถาวรใน 3 ด้านคือ การแก้ไขปัญหาพื้นที่เชิงวิกฤต การแก้ไขปัญหาจากแหล่งต้นทาง แหล่งกำหนดฝุ่น และการบริหารจัดการ ปรับปรุงเรื่องเครื่องมือ และการตรวจวัดต่าง ๆ
สำหรับด้านการขนส่ง มุ่งส่งเสริมการก่อสร้างรถไฟฟ้า ยกระดับขนส่งมวลชน ขนส่งสาธารณะ เพื่อแก้ปัญหาจราจร ขณะเดียวกัน ได้หาวิธีการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และมองถึงการพัฒนาสถานีชาร์จ
อีกแนวทางที่ดำเนินการควบคู่กันก็คือ การส่งเสริมการปรับเปลี่ยนน้ำมันที่มีค่าซัลเฟอร์ 50 ppm ลดลงเหลือ 10 ppm ตามมาตรฐาน EURO 5 จากโมเดลสหภาพยุโรป โดยส่งเสริมให้ทุกโรงกลั่น ลงทุนพัฒนาการกลั่นน้ำมันตามมาตรฐาน EURO 5 ในกรอบระยะเวลา 3 ปี ถึงปี 2566
ซึ่งได้รับการตอบรับจาก 6 โรงกลั่นน้ำมัน ได้แก่ บมจ.ไทยออยล์ (TOP), บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC), บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) (ESSO), บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) และ บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) ที่เบื้องต้นใช้เงินลงทุนรวมประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ผลิตน้ำมัน EURO 5 เพื่อให้ทันบังคับใช้ตามเป้าหมายในปี 2567
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีการกำหนดมาตรฐานไอเสียรถยนต์ ซึ่งระบุปริมาณมลพิษ 4 ตัวคือ คาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) ออกไซด์ของไนโตรเจน (NOx) ไฮโดรคาร์บอน (HC) และสารพิษอนุภาค (PM) โดยวัดเป็นหน่วยกรัมต่อกิโลเมตร ตามวัฏจักรขับขี่ในห้องปฏิบัติการทดลอง
ปัจจุบันรถยนต์ดีเซลขนาดเล็กจะอยู่ที่ระดับ EURO 4 และรถยนต์ดีเซลขนาดใหญ่ จะอยู่ที่ระดับ EURO 3 แต่หลังจากวันที่ 1 มกราคม 2567 จะต้องยกระดับเป็น มาตรฐาน EURO 5 ทั้งหมด
ตอบทุกข้อสงสัย "น้ำมันมาตรฐานEURO 5 "
Q : น้ำมันยูโร 5 ใช้กับรถยนต์เครื่องยนต์ (รุ่นรถยนต์) ใดบ้าง?
A : รถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีการปล่อยมลพิษระดับมาตรฐานยูโร 5 และยูโร 6
------------
Q : ถ้ารถยนต์พัฒนาเป็นมาตรฐานยูโร 6 สามารถใช้น้ำมันมาตรฐานยูโร 5 ได้หรือไม่?
A : สามารใช้ได้ เนื่องจากน้ำมันมาตรฐานยูโร 5 เป็นมาตรฐานน้ำมันสูงสุด ที่สามารถใช้ได้กับทั้งรถยนต์มาตรฐานยูโร 5 และยูโร 6
------------
Q : มีประเทศใดบ้างที่ใช้ น้ำมันยูโร 5 ?
A : กลุ่มอาเซียน ได้แก่ สิงคโปร์ เวียดนาม และมาเลเซีย
ภูมิภาคอื่น ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย และกลุ่มยุโรป
ขอบคุณข้อมูล : กรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน , ฐานเศรษฐกิจ