"ทนายตั้ม" แฉ คน มท.ช่วยบิ๊กรัฐวิสาหกิจ แก้ใบเกิด - บัตรประชาชน ยืดเกษียณอายุ

ทำตัว Low Profile เงียบหายไปจากพื้นที่สื่อพักใหญ่ สำหรับ ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความชื่อดัง ที่ก่อนหน้านี้ ได้ออกมาทำคดีใหญ่ ๆ จำนวนมาก รวมถึงแฉความไม่ชอบธรรมในสังคม จนกลายเป็นประเด็นใหญ่ให้ผู้คนได้วิพากษ์วิจารณ์   

แต่ตอนนี้ ทนายตั้ม กลับมาแล้ว โดยวานนี้ (17 ธ.ค.) ได้มีการโพสต์ผ่าน เพจเฟซบุ๊ก ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ จั่วหัวเรื่องไว้ว่า 

"มีข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ช่วยผู้บริหารระดับสูง รัฐวิสาหกิจยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง แก้ไขเปลี่ยนแปลง สูติบัตร และบัตรประชาชน เพื่อขยายระยะเวลาเกษียณของตัวเอง ทำทำไม? ทำเพื่ออะไร?"
 

ก่อนที่จะมีการแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมว่า 

"ยื่นคำร้องแจ้งเกิดต่อนายทะเบียน มกราคม 2507 แต่บัตรประชาชนใหม่ ระบุเกิด ธันวาคม 2507 โอ้โหนี่ แจ้งเกิดล่วงหน้าเกือบ 1 ปี!!"

 

ล่าสุด วันนี้ (18 ธ.ค.) ทนายตั้ม ได้มีการแถลงข่าวที่ ที่สำนักงานทนายตั้ม (Sittra law firm) กรณีที่มีข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ให้การช่วยเหลือผู้บริหารระดับสูง ของรัฐวิสาหกิจโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ แก้ไขเปลี่ยนแปลงสูติบัตร และบัตรประชาชน เพื่อขยายระยะเวลาเกษียณของตัวเอง โดยระบุว่า ชมรมคนรักองค์กร ได้มีการร้องเรียนเข้ามาว่า มีช่วยผู้บริหารระดับสูง รัฐวิสาหกิจยักษ์ใหญ่ เกี่ยวกับการคมนาคมแห่งหนึ่ง แก้ไขเปลี่ยนแปลงสูติบัตร และบัตรประชาชน 

โดยหลังจากได้ดูเอกสารบัตรประชาชน และสูติบัตร มีการแก้ไขปีเกิด พบว่า สูติบัตร มีการแก้ไขปีเกิด จาก 2506 เป็น 2507 เมื่อตนได้ไปเทียบกับปฏิทินร้อยวัน มันจะไปตรงกับปี 2507 คาดว่า น่าจะลืมแก้ไข จึงมีข้อสังเกตเกิดขึ้น เช่น ถ้าได้รับแจ้งเกิด จะรู้ล่วงหน้าได้อย่างไรว่า จะมีการเกิดในปี 2507  

ทนายตั้ม กล่าวว่า คาดว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่ปี 2564 ที่น่าตกใจคือตรงที่อายุ 58 เพิ่งทราบว่า ตัวเองเกิดปี 07 ไม่ใช่ 06 โดยผู้ทำการปลอมแปลงเอกสาร เป็น รอง ผจก.ใหญ่ มีอำนาจในการจัดซื้อจัดจ้าง และเคยมีข่าวตอนปี 2555 ในคดีคล้ายกัน แต่ไม่ทราบว่า ท้ายที่สุดคดีไปถึงไหนอย่างไร

มูลเหตุสำคัญ ที่ทำให้มาร้องเรียนคือ มีเอกสารส่งมา ถ้าจะเกษียณต้องเกษียณตั้งแต่เดือนกันยายน ผู้ร้องเรียนเห็นพิรุธว่า บัตรประชาชนไม่เหมือนกัน  ซึ่งมีบัตรประชาชน 2 ใบ   

ส่วนในประเด็นที่ว่า เป็นการชี้ชัดไหมว่า เจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทยมีส่วนช่วย อาจจะมี แต่ไม่ว่าอย่างไร ข้าราชการในกระทรวง ควรมีการตรวจสอบให้ดี ไม่รู้ว่า มีการทุจริตคอร์รัปชันหรือไม่ แต่ในที่สุดมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง มูลค่าความเสียหายในครั้งนี้ ยังไม่สามารถระบุชัดเจนได้ แต่คาดว่า อาจจะมีเป็นพันล้าน   

ทนายตั้ม กล่าวอีกว่า จริง ๆ มีการตรวจสอบมาแล้ว แต่โครงการไม่ทำอะไร ถึงได้มีการร้องเรียนมาทางตน ซึ่งหากตรวจสอบแล้วมีความผิดจริง จะมีโทษจำคุก  6 เดือน - 3 ปี